วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ทางเลือกใหม่ [เรื่องสั้นทันเล่า โดย ทางหอม]

ในซอยแยกจากสายรอบเมืองที่เป็นถนนหลวงแปดเลน เข้าไปราวร้อยเมตรเศษ… นับจากมุมรั้วบ้านหลังติดถนนใหญ่เข้าไป บ้านหลังที่สาม นั่นล่ะๆ เป็นบ้านของเขา

 สองหลังแรกในรั้วเดียวกันนั้น เป็นบ้านของคนอื่น

 หลังด้านหน้า ที่เป็นบ้านติดทางหลวง ในรั้วเดียวกันนั้น เจ้าของคืออดีตผู้อำนวยการโรงเรียน

 หลังด้านในที่มีแค่รั้วกั้นกับบ้านเขา เจ้าของ ท่านปลูกให้ลูกสาว ที่กำลังใช้ชีวิตเดินตามรอยเท้าพ่อ แบบไม่ทิ้งห่างไปไหนเลย

 ส่วนบ้านตรงข้ามซอยนี้ ที่เป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่โต พื้นที่กว้างขวาง ปลูกต้นไม้ไว้ร่มรื่น นั่นคือบ้านของผู้มีอันจะกิน

 ข่าวว่าเจ้าของบ้านทำกิจการร้านทำป้ายโฆษณา ที่ลูกค้าหลักเป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเขายังไม่เคยรู้จักหน้าค่าตาเลย แม้จะย้ายมาอยู่ที่นี่กว่าสิบปีแล้ว

 ซอยนี้ไม่มีใครจำเป็นต้องมาร่วมใช้แต่อย่างใด เพราะบ้านคนรวย เขามีทางเข้าต่างหาก เป็นซอยส่วนบุคคลที่อยู่ถัดเข้าไปด้าน

 การเข้าออกบ้านของเขาผ่านซอยนี้ จึงไม่ได้เป็นปัญหาใด ๆ เลย แม้มันจะกว้างแค่พอให้รถปิ๊กอัพสี่ประตูคัน ที่เขาเพิ่งผ่อนงวดหมดลงหมาด ๆ เข้า-ออกได้พร้อม ๆ กับคน ๆ เดียวที่เดินตัวลีบ เพียงแค่นั้นก็ตาม

 เขาตั้งชื่อซอยส่วนตัวนี้ ว่า “ซอยบรรจบพร” บรรจบ นั่นชื่อเขา พร ชื่อเมียเขา มันเหมาะสำหรับการเข้าออกดีแล้วและลับตาคนดีด้วย

 คนที่อยากมาหาเขา แบบไม่นัดล่วงหน้า มักจะหาบ้านเขาไม่เจอ

 ประเภทเพื่อนร่วมงานขาจรที่มาพร้อมกับกิจการงานจ้อจั้นเอย ญาติมิตรไกลห่างที่หวังจะมายืมเงินเอย คนรู้จักที่จะมาขอให้ทำโน่นนี่ให้แบบไม่คำนึงถึงน้ำจิตน้ำใจบุคคลอื่นเอย ยิ่งเฉพาะพวกเดินขายสินค้าและบริการประเภทจู่โจมที่เขาไม่ชอบใจเอาเสียเลยนั้น ล้วนไม่มีทางได้พบเขาเป็นแน่

 ซอยส่วนตัวนี้ มันลับลวงพรางเสียจริง ๆ

 แต่ตอนนี้ เขาชักจะทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ เพราะซอยที่เขารัก มันได้กลายเป็นอ่างเก็บน้ำไปเสียฉิบ

 มันเริ่มเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่บริษัท ส.เข้มข้น-ผู้รับเหมา เขาเริ่มลงมือทำโครงการอุโมงค์-สะพานทางข้ามสี่แยกดงอู่ผึ้ง ที่อยู่ห่างบ้านเขาไปทางทิศใต้ไม่ถึงห้าร้อยเมตร และสี่แยกวนารมย์ ที่ไกลออกไปทางตะวันออกราวสองกิโลเมตร

 ถนนหลวงแปดเลนใกล้สี่แยก ถูกยกระดับและเทคอนกรีต สูงเกือบเท่ากำแพงบ้านผอ.ออ.เก่า

 ฝนตกจริงจังทุกครั้ง น้ำจากถนนใหญ่ก็ไหลมาออเอ่อกันในซอยบรรจบพร เหมือนจะเชิญชวนให้เขาเอาปลามาปล่อยเลี้ยงให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

 จนล่าสุด ขากลับจากที่ทำงานค่ำ ๆ เขาเลี้ยวรถลงซอยแบบใจไม่ดีเลย รถยกสูงของเขาค่อยเลื้อยลุย ระดับน้ำปริ่มขอบล้อรถยนต์ใหญ่ขนาด 265 วงล้อ 17

 เลี้ยวซ้ายขึ้นเนินตัวบ้าน จอดรถเสร็จ ลงมาเปิดสวิตช์ไฟรั้วบ้าน เดินออกมาดูซอยบรรจบพร

 ระลอกคลื่นจากแรงรถวิ่งผ่าน ยังเหลือทยอยกระทบกำแพงรั้วสองฝั่ง สะท้อนแสงไฟจากรั้วและจากทางหลวงแปดเลน เป็นประกายวาวหม่น… เหมือนแสงกระทบจากน้ำตาที่เอ่อท้นดวงตาของใครสักคน ที่อุกอั่งเหลือใจกับความรันทด ไร้ทางออก ของตน ๆ

 ***

 อยากขายก็ขายเดอ บ้านน่ะ” คำพูดเมียก่อนเสียชีวิตเมื่อเดือนแปดปีก่อน ยังดังก้องในสำนึก 

 “บ่ดอก” เขาตอบตามจริง  เพราะกว่าสิบปีที่เมียที่ป่วยเป็นมะเร็ง คอยเป็นเพื่อนทุกข์ ผลัดกันประคองชีวิตจิตใจกันมา จอบซอมพิจารณาสังขารอยู่เนืองๆ มิขาด

 ประกอบกับชีวิตที่เดินทางมาผ่านเลยปีที่ครึ่งร้อยมาห้าปี มันทำให้ไม่อยากได้อยากดี ไม่อยากมีอยากเป็นอะไร ๆ ทั้งนั้น เป็นความสัตย์จริงที่เขาเห็นเด่นชัดข้างในใจตนมาระยะหนึ่งแล้ว

  ***

 แต่หลังจากภารโรงคนคุ้นเคย ป่นเห็ดแกงเห็ด หาข้าวปลามาสู่กินกันกว่ายี่สิบห้าปี มาให้ข่าวว่ามีบ้านจะขายให้ เป็นบ้านน้องสาวของตนเอง เธอไปอยู่ต่างประเทศหลายปีแล้ว

 บ้านทรงโมเดิร์นหลังเล็กอยู่กลางทุ่งนา ร่มรื่นด้วยพุ่มใบมันปลาทางซ้ายและหว้าใหญ่ทางขวา

 พักหลังมานี้ เหมือนมีมนต์ดลให้เขารู้สึกผูกพันกับบ้านน้อยหลังนี้ มากขึ้น ๆ อย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะขับรถมาทำงานก็มอง ขอบรถกลับบ้านก็มอง...

 แมนอิหลีตี้อาวโส” เขาถามย้ำ

 “ครูสนใจบ่ล่ะ คันสน เข้าไปอยู่ก่อนได้เลย กุญแจอยู่นี่ เอ๊านี่ เอาไป”

  ***

 รถด้ำสี่ล้อสีเทา ๆ ทยอยเทดินถมซอยบรรจบพรให้สูงขึ้น อีกไม่กี่รถก็จะสูงจรดทางหลวงใหญ่แล้ว

 เขายืนอยู่ที่ประตูรั้ว พิจารณาภาพที่เห็น …คอยคิวรถด้ำว่าง กว่าเขาจะยอมขนดินมาถมให้ นี่มันจะเป็นปีแล้ว!

 แสงแดดยามเที่ยงเจิดจ้า เขาหยีตา ตอนแสงฟ้ากับกระจกมองหลังรถด้ำทำมุมกันเป็นแสงวาบ ๆ บาดลูกนัยน์ตา

 พรุ่งนี้เช้า เขานัดลุงภารโรงโส ที่บ้านกกไม้คู่หลังน้อยนั่น และคืนนี้ เขาต้องปรึกษากับรูปเมียในห้องนอน เป็นครั้งสุดท้าย.

ที่สุดของรัก

คลิก ฟังเพลงกันครับ ที่สุดของรัก  คือเห็นความงาม เป็นความจริงล้ำค่า ที่สุดของเข้าใจ คือแสงเช้าสาดต้องยอดยางนาต้นใหม่ เป็นความปรารถนาผ่องพริ้...