พุธของความลิงโลด
รั้วสีดอกเข็ม
บางคนยังสำรวจ
ตื่นเห็นในความตื่น
เธอชวนเพ่งพิศ
ใต้ชายคาสีคล้ำหม่น
ขับดอกไม้ให้เด่นพิเศษ
ท่าทางของถ้อยคำ
เชื่อว่าข้างบน
'สวรรค์ลูกห่าม ๆ'
จักไปชิมรสเป็นยา
ชั่วระยะสุดเอื้อมหนึ่ง
เธอจัดร่างประณีต
ค่อยเคลื่อนกาย
ตามเส้นหญ้าแห้งนั้น
รหัสความสูงต่ำ ยากง่าย
ขานอ่านได้ด้วยรอยยิ้ม
|คำแต้ม by ທາງຫອມ|
อา. 3 พ.ย. 2556
------
|เล่าตามคำแต้ม|
บ้านเช่าฝาไม้ไผ่สาน
นับหลายเดือนแล้ว ที่เขาย้ายเขามาอยู่บ้านเช่าหลังนี้
บ้านไม้ใต้ถุนโล่ง หลังคามุงสังกะสี ฝาไม้ไผ่สานประณีตออกสีหม่นเป็นผนังรอบตัวบ้านชั้นสอง ที่ไม่กั้นห้อง มีบันไดไม้อยู่ตรงมุมด้านใน ลงขั้นสุดท้ายมาแล้ว เดินวนออกไปทางซ้ายนอกชายคา ไม่ถึงสิบก้าวก็เป็นห้องน้ำหลังเล็กที่ปลูกขึ้นติดรั้วลวดหนาม มีต้นมะม่วงใหญ่ให้ร่มเงา ถัดจากห้องน้ำไปตามแนวรั้วอีกราวยี่สิบก้าวเป็นบ่อน้ำส่าง นี่คือจุดขายของบ้านหลังนี้ที่เขาพอใจมาก
ชายชรานั่งจิบชาใบป่าช้าเหงาอยู่บนแคร่สะแนนไม้ใผ่ ตรงมุมใต้ถุนบ้านด้านติดถนน มีรั้วกระถินแคระสูงเพียงเอวกั้นอยู่ ลมหนาวระลอกแรกเริ่มแทรกตัวมาในทุกอณูอากาศ เริ่มจากวันที่ 14 ตุลาคม ถึงวันนี้ก็นานเป็นสองสัปดาห์แล้ว มันช่วยได้มากทีเดียว สวนผักหลังบ้านดูจะดีใจ แตกใบเขียวก่องผ่องแพร้วน่าเก็บลวกจิ้มแจ่ว
เช้านี้ เขาเพิ่งโรยปุ๋ยขี้ไก่เดือน บรรจงใช้ครุถัง ตักน้ำในบ่อส่างขึ้นใส่บัวรดน้ำ พอเต็มแล้วก็หาบบัวรดน้ำให้ลูกน้อยๆ ทั้งแปลง ฉ่ำชื่นจากใบไปจนถึงรากในเนื้อแผ่นดิน แล้วนั่งลงถอนหญ้า-วัชพืช สายตาหาเก็บตัวบ้งตัวหนอนไปทิ้ง ขณะปากก็ฮำเพลงลำ ทุ่งร้างนางลืม ของไก่ฟ้า ดาดวง สำนวนกลอนลำเดินขอนแก่นอันลือลั่นของอาจารย์สุพรรณ ชื่นชม
เหมือนเด็กหนุ่มสี่คน ในความฝันเมื่อคืน เหมือนกำลังเดินใกล้เข้ามา ใช่สิ พวกเขาคงว่างแวะมาทักถาม ขณะเขาจิบชาถ้วยที่สอง
ทั้งสี่หนุ่มน้อย กลับจากวิ่งออกกำลังกายยามเช้า วิ่งจากบ้านเช่า ไปตามทางในหมู่บ้าน ทะลุออกสู่ทางระหว่างหมู่บ้าน สองข้างทางขนาบด้วยท้องทุ่งนา ข้าวกำลังทอรวงใหม่เขียว เสียงหมอลำรุ่งโรจน์ เพชรธงชัย ลำเพลินกลอนหน้าฝนทนเศร้า ...จวนสิถึงกฐิน กลิ่นนางบ่ทันผ้อ ปอตัดแล้วซุมแนวบ่จ่ง... มาวอนๆ จากวิทยุใครสักคน เคล้าเสียงลมหนาวพัดมาเข้าจังหวะ ปลุกป่าข้าวกองามเต็มทุ่งให้วาดไหวโอนเอนยวบยาบ เป็นคลื่นระลอกเขียวคล้ายมหกรรมความฝันอันยิ่งใหญ่... แสงทองค่อยๆ เรื่อเรืองขึ้นทาบทาทีละน้อยๆ เสียงรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาลที่ห่อหุ้มเท้าทั้งแปด ตกกระทบทางดินแซมหญ้า ดัง ปุ๊บปั๊บๆ เป็นจังหวะ ค่อยๆ เงียบหายไป...
เขาเฝ้าดูเด็กหนุ่มทั้งสี่ทำกิจวัตร ตั้งแต่อ่านหนังสือ จัดหนังสือ-สมุดตามตารางเรียน หม่าข้าว เข้านอน ก่อนฟ้าจะสาง เด็กหนุ่มคนแรกจะตื่นมาก่อไฟจากฟืนไม้แห้งที่เก็บจากกิ่งไม้หักภายในบริเวณบ้าน ซาวข้าว ล้างใส่หวด ตั้งหม้อนึ่งข้าว รอเพื่อนอีกสามคนตื่น แล้วออกไปวิ่งออกกำลังกาย กลับมาถึง คนหนึ่งส่ายข้าวใส่ก่องกระติบ อีกคนเจียวไข่ใส่ผักที่เก็บจากริมรั้วและแปลงปลูก คนที่สามกำลังตักน้ำรดผักสวนครัวในแปลง คนที่สี่อาบน้ำ แต่งตัว แล้วมาเตรียมภาชน์ข้าว รออีกสามคนเวียนกันเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว ล้างจานเสร็จก็จบภารกิจประจำเช้า จากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสี่ก็คว้าสมุดหนังสือ ออกเดินไปโรงเรียนพร้อมกัน...
ชายชราจิบชาถ้วยที่สาม "วันนี้สินะ" เขาพึมพำ สายๆ จะออกไปรอเพื่อนสามคน ที่ส่งข่าวมาบอก "นัดกันมาระลึกความหลังสักหน่อย"
สถานีขนส่งเล็กๆ ในเมืองเงียบๆ แห่งนี้ อยู่ถัดออกไปสามบล็อก เขาสวมรองเท้าแตะ เดินเล่นไป ฮัมกลอนลำไป เหมือนเด็กหนุ่มมัธยมในอดีตสักคน
"บ้านหลังเดิมน้อนี่ เข้าใจว่าอ้ายอ๋อ ผู้เป็นเจ้าของมาบูรณะโดยใช้โครงสร้างเดิมๆ แท้ๆ" เพื่อนผมสีดอกเลาพูดขึ้น มือขวาดึงสายสะพายกระชับเป้ใบย่อม ขณะเดินผ่านประตูรั้วเข้ามา
"แปลกแท้เด ทุกอย่างดูเหมือนเดิมตั้งแต่ 32 ปีที่แล้ว" ชายแก่หน้าหนุ่มที่สวมกางเกงยีนส์สีดำพูดบ้าง
"ฮ่าฮ่าฮ่า...น้ำส่างยังอยู่ ห้องน้ำทรงเดิม ...นั่นเจ้าปลูกผักบนที่ที่เก่า แต่งามกว่าเก่า" อีกคนน้ำเสียงตื่นเต้น
"คึดหมั่น สื่อๆ ดอก" เขาอมยิ้ม เหมือนตนฝันไป ฝันเป็นตุเป็นตะทีเดียว
คีต์ คิมหันต์
อัง. 27 ต.ค. 2563