วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
นั่นเฮือนไม้ติดทางที่ยังบ่มีรั้ว
วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
จิ๋ว-แมวน้อยอันเป็นที่รัก☆☆ #มาให้รักให้รู้ #อยู่ให้ผูกพันห่วงใย #จากลาให้อาลัยหา
วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
ช่างแอร์หนุ่ม ไม่นึกว่า เจ้าของร้านมาเอง
หนุ่มใหญ่ผู้ผัว
มีโอกาสได้คุยกับคนติดแอร์ ใช่แล้ว ชายวัยสักสามสิบปีคนนั้น ไม่ใช่ช่างธรรมดาดอก
เขาเป็นช่างและเป็นเจ้าของร้านขายแอร์เองด้วย
เรือนห้องเช่าชั้นเดียว มีจั่วหน้าห้องทั้งสิบเอ็ดห้อง ใกล้สถานีขนส่งผู้โดยสารประจำเมือง ใช้ชื่อ “บ้านพักทรัพย์ศรีทอง” ปลูกมานานกว่าสิบเจ็ดปี ตอนนี้ว่างหลายห้องมาหลายเดือนแล้ว คนติดต่อขอเช่าบอก ติดแอร์ให้หน่อย เสียดาย ห้องที่ติดแอร์ไว้สามห้องเต็มแล้ว เจ้าของบอกแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะการติดแอร์ต้องเอาเงินมาลงเป็นก้อนใหญ่ หรือไม่ก็ต้องผ่อนหลายเดือน กว่าจะหมดหนี้ ค่าห้องเช่าก็พอได้หมุนเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าซ่อมบำรุงต่าง ๆ เหลือบ้างเล็กน้อย พอได้ใช้จ่ายในครอบครัว การจะติดแอร์ราคาหมื่นห้าถึงสองหมื่นสักเครื่อง จึงเป็นเรื่องต้องคิดทบทวนมากพอดู
แต่เมื่อพิจารณาว่า
อนาคตถ้าต้องการคนเช่าให้เต็มทุกห้อง ก็จำเป็นต้องติดแอร์แน่ ๆ
อากาศทุกวันนี้ร้อนขึ้น ๆ อุณหภูมิโลกไม่ลดลงเลย คนเช่าเขาก็ต้องการอยู่เย็น ๆ คลายร้อน
ถึงจะเป็นห้องเช่าสำหรับคนทำงานเพื่อพักผ่อนแค่ตอนกลางคืนและวันหยุด
ก็ต้องสนองความต้องการแบบ “อยู่สบายคลายร้อน” ที่เป็นแรงบีบอีกอย่างก็คือ
หอพักห้องพักหลังใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในละแวกเดียวกันนั้น ต่างติดแอร์กันหมดทุกห้องแล้ว พิจารณาแล้ว คงต้องทยอยติดแอร์ไปจนครบทุกห้องโน่นแหละ จึงจะพอหวังได้ว่าจะมีคนมาเช่าจนเต็ม
ว่าแล้ว เมียผัวปรึกษากัน ตกลงใจแล้ว ก็เริ่มหาข้อมูลทางเน็ต แชทคุยกับร้านที่ดูดีมีความน่าเชื่อถือ ได้คิวนัดมาติดตั้งวันหยุดต้นเดือนพฤษภา
วันนั้นฝนตก
ช่วงบ่ายได้รับโทรศัพท์จากทางร้านแอร์บอก มาติดให้ไม่ทันในวันนี้
ขอเลื่อนไปวันหลังครับ เพราะติดฝนทำงานไม่ได้ตามกำหนด พิกัดที่หน้างานในอำเภอบุณฑริก
ห่างออกไปกว่าเก้าสิบกิโลเมตร อ้าว... ไม่เป็นไร ผู้ผัวคิดในใจ วันหลังก็วันหลัง
รุ่งเช้าวันต่อมา เมียดูโทรศัพท์
ร้านแอร์โทรมาแจ้งว่า แอร์ยี่ห้อที่ตกลงกันนั้นติดให้คนอื่นไปแล้ว
และไม่มีรุ่นนี้อีก เลยเสนอยี่ห้อใหม่มาพร้อมราคาที่น่าฟัง เมียเลยยังไม่ตกลง
“อะไรกัน ตกลงกันแล้วเอาไปติดให้คนอื่น” แต่ในใจนึกสงสารร้านเขา
เขาอยากขายแต่ไม่มีแอร์ให้เรา ที่ใจอ่อน อาจเพราะคำสื่อสารในแชทน่าฟัง น่าเห็นใจ
ตกบ่าย สองผัวเมีย เลยลองตระเวนสอบถามราคาตามร้านขายแอร์ดู
ร้านแรกเป็นห้างใหญ่ ขายวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านสารพัด มีแอร์ขายด้วย ปรากฏว่า รุ่น BTU สำหรับห้องขนาดยี่สิบตารางเมตรที่ร้อนสักหน่อย ต้องเป็น 15,000 BTU นั้น ไม่มี มี หมื่นแปดพัน ซึ่งขนาด BTU ใหญ่ไป ราคาพร้อมค่าติดก็พอฟัง แต่ก็ยังไม่ตรงใจนัก
แวะร้านที่สอง เป็นร้านขาย ติดตั้ง และเซอร์วิสแอร์โดยเฉพาะ สอบถามแล้วยี่ห้อที่ตั้งใจมาดูก็ไม่มีเครื่องพร้อมขายเช่นกัน ทางร้านแนะนำยี่ห้อรองลงมา ราคาพร้อมติดตั้งก็ไม่แพงมาก ใกล้เคียงกับห้างเมื่อกี๊ ดูเหมือนจะน่าตัดสินใจเอา เพราะพิจารณาฐานะและภาพลักษณ์โดยรวมของทางร้านแล้ว เขาน่าจะดูแลหลังการขายดี
จากนั้นก็ไปอีกร้าน เป็นร้านสาขาของร้านดังทางออนไลน์ที่มีสาขาทั่วประเทศ ร้านนี้เน้นขายเงินผ่อน แจ้งยี่ห้อ รุ่นสเป็กแอร์ให้ผู้จัดการหนุ่มที่ดูแลสาขานี้และทุกสาขาในเมืองอุบลแล้ว เขาก็กดเครื่องคิดเลข ทีแรกบอกราคาสองหมื่นถ้วน สองผัวเมียมองหน้ากัน
“ใช่ราคานี้แน่นะ” ถามย้ำกับคนขาย
“ครับ ราคานี้พร้อมติดตั้ง ผ่อนสิบสองเดือน จ่ายงวดแรกวันติดตั้ง ตัดยอดเหลือสิบเอ็ดเดือนเลยครับ สั่งวันนี้ติดตั้งพรุ่งนี้เลย” เขามั่นใจและอธิบายขั้นตอนการซื้อขาย
“ดูอีกทีไหม มันถูกมากนะ ถ้ารุ่นนี้ บีทียูหมื่นห้าพัน”
นักขายหนุ่มเม้มปาก เปิดดูเอกสารที่วางบนกล่องกระดาษห่อตู้เย็นตรงหน้า กดเครื่องคิดเลขอีกครั้ง
“ขอโทษครับ ผมคิดผิดจริง ๆ เป็นสองหมื่นหนึ่งพันบาทถ้วนครับ พร้อมติดตั้ง”
สองผัวเมียคิด อย่างนี้ค่อยใกล้กับร้านอื่นเขาหน่อย แต่ดีกว่าคือ ราคถูกกว่าตั้งหนึ่งพันบาท ว่าแล้วคนขายก็ขอให้คนซื้อกดเป็นเพื่อทางไลน์ จะได้ส่งข้อมูลการซื้อขายเพื่อประกอบการตัดสินใจอีกที
ออกจากร้านที่สามมา สองผัวเมียปรึกษากันว่า จะไปดูอีกสักร้าน ค่อยตัดสินใจ
“สงสารร้านน้อง จะไม่ได้ขายนะ” เมียหมายถึงร้านที่คุยกันในแชท เขาส่งข้อมูลมาให้ว่ามียี่ห้อหนึ่ง หมื่นห้าพันบีทียูแบบธรรมดาที่กินไฟ เพราะปิด-เปิดระบบทำความเย็นเป็นระยะ ๆ ทำให้ความเย็นไม่คงที่ แต่เย็นฉ่ำทันใจดี ต่างจากแบบอินเวสเตอร์ ที่เย็นช้าแต่สม่ำเสมอ เพราะมีระบบควบคุมความเย็นอีกที ที่สำคัญประหยัดไฟกว่าแบบธรรมดา ที่คิดจากการเปิดแอร์วันละแปดชั่วโมง ประหยัดกว่าตั้งสองถึงสี่พันบาทต่อปี ช่างที่มาล้างแอร์เคยแนะนำว่า ห้องเช่าควรติดแบบธรรมดา การดูแลรักษาไม่จุกจิก แต่คนขายที่ห้างร้านที่ไปสอบถามกลับบอกว่า เครื่องอินเวสเตอร์รุ่นใหม่ไม่จุกจิกอย่างนั้นหรอก แถมคนเช่าห้องเขาก็ชอบ คือมันประหยัดไฟกว่ากัน ยิ่งเป็นเครื่องบีทียูที่เหมาะสมกับห้อง ไม่สูงมากเกินไป ก็เป็นทางเลือกให้เขาตัดสินใจเช่าห้องได้ง่ายขึ้น
พอลงรถไปสอบถามร้านที่สี่ เป็นห้างขายวัสดุขนาดใหญ่อีกแห่ง แต่มีแอร์ให้ดูน้อยยี่ห้อ น้อยรุ่นด้วย สองผัวเมียจึงเลิกการสำรวจราคาแอร์เพิ่ม รีบขึ้นกลับบ้าน
ขากลับ
ระหว่างรถเคลื่อนตัวบนถนนสายรอบเมือง
ผ่านแยกดงอู่ผึ้งที่กำลังสร้างอุโมงค์และสะพานข้าม
เมียเปิดดูแชทกับร้านที่ติดต่อไว้ ถามย้ำว่าเป็นรุ่นธรรมดา หมื่นห้าพันบีทียู
ติดตั้งได้พรุ่งนี้เลย จึงหันถามคนขับผู้เป็นผัว ผัวจึงว่า ติดก็ติดเลย
เขาคิดไปว่า ดูท่าการบริการหลังขายเขาน่าจะโอเค
เพราะมีระบบสื่อสารในออนไลน์และทางโทรศัพท์ชัดเจนและตอบกลับรวดเร็วดี
น่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ น่าส่งเสริมสนับสนุน
รุ่งเช้าวันพุธที่ 4 พฤษภาคม ผู้ผัวไปรอช่างที่ห้องเช่า นัดกันสามโมงเช้า ช่างยังไม่มา
เลยส่งโลเกชั่นให้เมียแชร์ไปหาทางร้านแอร์อีกที
ไม่นานก็มีรถปิ๊กอัพแค็ปสีขาวเปื้อนฝุ่นโคลนกลางเก่ากลางใหม่ บรรทุกอุปกรณ์มาเต็มกระบะ
รถเข้ามาจอดในที่จอดรถต่อจากรถของผู้เช่าห้องอีกสามคัน หลังจากทักทายกันแล้ว
ช่างกับผู้ช่วยก็ลงมือติดตั้งแอร์
หัวหน้าช่างรูปร่างสันทัด สูงราวร้อยหกสิบเซ็นติเมตร ผิวออกขาว หน้าตาไม่อาจดูออกเพราะสวมหน้ากากอนามัย ใส่กางเกงยีนส์สีหม่นเทาออกดำ
เสื้อยืดคอเชิ้ตสีเทา สกรีนชื่อร้านเป็นแถวพาดกลางหลัง ท่าทางทะมัดทะแมง
มีผู้ช่วยเป็นหนุ่มร่างโย่งสวมกางเกงยีนส์หลวม ๆ
เห็นหัวกางเกงบ็อกเซอร์สีลายดำแดงใต้ชายเสื้อสีฟ้า อีกคนเตี้ยกว่าเล็กน้อย
แต่งตัวเหมือนหัวหน้า ร่างผอม ผิวออกเข้มกว่าเพื่อน
คนที่ท่าทางเหมือนหัวหน้าปีนขึ้นบันไดเหล็ก ใช้สว่านไฟฟ้าเจาะผนังห้องตามรอยที่ใช้ดินสอมาร์กไว้ มีคนตัวโย่งเป็นลูกมือ จับโน่น ยื่นนี่ให้ อีกคนแกะเครื่องแอร์และเริ่มต่อสายไฟสายท่อแอร์
ผัวเจ้าของหอถ่ายภาพรุ่นแอร์ส่งไปให้เมีย เมียตอบข้อความมา
“อ้าว ไม่ใช่รุ่นธรรมดานี่ เป็นอินเวสเตอร์”
หนุ่มใหญ่ผู้ผัว จึงคุยกับหัวหน้าช่าง เขาบอกมีแต่อินเวสเตอร์ครับ และรุ่นนี้มีแค่ยี่ห้อนี้ด้วย อันนี้แหละประหยัดไฟดีครับ ใช้ง่าย ไม่จุกจิก มีอะไรบอกทางร้านได้เลย จะดูแลให้ ราคาก็หมื่นเจ็ดพันเก้าร้อยตามที่แชทคุยกัน
สองผัวเมียตอบข้อความกันไปมา การติดตั้งก็ดำเนินไปนานราวสองชั่วโมง พอช่วงท้ายระหว่างช่างเก็บเครื่องมือขึ้นรถ หลังติดตั้งคอยน์เย็นที่หลังหอเสร็จ ผู้ติดตั้งจึงเผยเรื่องราวเล็ก ๆ
เกี่ยวกับร้านของตน เป้นคำตอบตามที่ผู้ซื้อเครื่องแอร์ถาม
"ผมเป็นเจ้าของร้านเองครับ
เปิดร้านมาเจ็ดปีแล้ว เพิ่งมาเปิดที่ถนนนิกรธานีข้างหน้าบิ๊กซีอุบลนานเกือบสองปีแล้ว
ห้าปีก่อน ร้านตั้งอยู่แยกหนองตาโผ่น ที่อำเภอวารินชำราบ ทางไปวัดหนองป่าพงของหลวงปู่ชา
สุภัทโท ทางเดียวกับที่ไปอำเภอสำโรง ไปอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ แน่ล่ะ
ขายเอง ติดตั้งเองได้ เพราะตอนนี้ยังหนุ่มยังแน่น มีแรงเดินทาง ทำงานหนักได้
จำเป็นใช่น้อย วัยหนุ่ม ทำธุรกิจ ต้องลุยเองแบบนี้ครับ จึงพอจะเห็นทางก้าวหน้าเร็วขึ้นสักหน่อย"
“ถ้าเขาไปรอด ร้านเขาไปรุ่ง ไม่นานเขาก็ต้องให้ช่างไปติดตั้งแทน ถึงเวลาหนึ่ง เขาคงต้องเลือกที่จะบริหารเพียงอย่างเดียว" เมียคาดการณ์ตอนทานข้าวแลงกับผัวในเย็นวันนั้น
วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2565
แก้วกับกระป๋องเบียร์
วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2565
ตีนเปิ่มเมือบ้าน
-เรื่องสั้นโดย คีต์ คิมหันต์-
---เรื่องสั้นชนะการประกวด "ชายคาเรื่องสั้น 10" ปี 2018---
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฮ
ในบั้นมิติแห่งความสิ้นหวังอันเศร้าหม่นของแผ่นดินในทีปแทวแถวฝั่งขวาของแม่น้ำของ สี่พันดอน ที่เอิ้นกันว่าอารยประเทศวิเศษโลกานี่นั่น หลายสิ่งอันดูเหมือนจะยังฮุ่งเฮืองปานแสงทองส่องสาดท่งข้าวยามเหลืองกล้วยพวมลงเกี่ยวเป็นฟ่อนไว้มัดกำหลำซ้อม
แต่สิมีคุณค่ากระไรเล่าผู่สาว ความงามแบบบ้านแบบเมืองก่อนเก่า ใผสิยอมรับเอาเป็นสรณะสำหรับชีวิตและสังคมได้
นั่นตี๋ละ แนวคนทั้งหลายเพิ่นทยอยยอมสยบก้มกราบหน้ากากโฆษณาค่านิยม วัฒนธรรม ประเพณี ตลอดจนแบบแผนทางการเมืองของใผเพิ่น ซึ่งตั้งตะหง่านหอมกลิ่นน้ำหอมที่ซ่อนเสื่องกลิ่นหื่นคาวเลือดคาวโลภ ที่ต่างคนกะต่างรับเอามันไว้เป็นแนวทางให้เจ้าของก้าวย่างเดินตามบ่เคยขาดสาย
ชัดเจนแล้วเด เพราะนั่นคือหลักประกันความสุขสบายอย่างผู้ชนะตลอดชาติ ที่บ่มีวันบิดพลิ้ว
ผู่สาวผู่ข่าเอย เรื่องที่เกี่ยวแก่ความสิ้นหวังอันเศร้าหม่นทั้งหมดนี้ กะละแม่นคำสารภาพของคนผู่ย่ำย่างอยู่ฮิมทางดินที่อยู่ขอก ๆ ถัดออกมาจากไหล่ทางของถนนหลวงสุนทรียวิพากย์ ท่อนั่น
1
ผู่ข่าก้าวขึ้นรถสายันต์อุบล-อุดร เที่ยวล่อง ที่สถานีข้างคลองสมถวิลในเมืองมหาสารคาม
อีกสามวันแล้วตี้ วันสงกรานต์จะมาฮอด ผู่ข่าคือมาบ่มีจุดหมายแท้นอ ปีนี้
เดิมทีการเดินทางกลับไปก้ำฝ่ายเมืองดงอู่เผิ่งของผู่ข่า ก็หมายมุ่งไปตามนัดของสาวอุบลคนไคปากไทกรุงเทพ คนเคยฮักกัน ว่าสิไปเล่นสาดน้ำรอบ ๆ ท่งศรีเมือง และแวไปกินกุ้งเต้นแถวหาดคูเดื่อกับเธอ แต่มันก็ต้องมีอันสูญสลายเลือนหายไป คล้ายหมอกควันเหนือท่งข้าวคราวเดือนเก้าใกล้ดับที่ค่อย ๆ มายออกจนเผยให้เห็นโฉมหน้าเด็กน้อยนักปักเบ็ดเดินย่างฮ้องแอ่วลำขอนแก่นกลอนโปรดมาตามคันแทนา …เมื่อลมหนาวพัดมาน้ำตาหลั่ง คำน้องสั่งแว่วมาน้ำตาไหล พอข่าวออกใบวีเจ้าหนีไกล ยืนร้องไห้คอยนางที่ยางซุม… แม่นแท้แหล่ว เสียงของหมอลำไก่ฟ้า ดาดวง แต่งโดย อ.สุพรรณ ชื่นชม บักหล่ายินดีกับปลาข่อโตญี่ในข้องสะพาย ตั้งใจคัก สิเอาไปฝากอีแม่ไว้ปิ้งไปถวายญาครูเอาบุญ
จดหมายลายมือของผู่สาว มาฮอดตอนต้นเดือน เป็นจดหมายบอกเลิกกัน นั่นล่ะ แม่นตัวบทที่แสดงสัมพันธบทระหว่างตัวบทความคิดอ่านกับตัวบทความเป็นครูของผู่ข่าในหลายลักษณะที่เธออ่านแล้วบอกว่ามีความหมายที่บ่อาจสิทำความเข้าใจได้ในชาตินี้ ว่าสั้นว่า โอ ชีวิตนี่มันช่างคล้ายวรรณกรรมแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สักเรื่อง รอท่าใผล่ะ นักอ่าน นักวิจารณ์วรรณคดีคนใดชาติใด ที่ค้นเจอและพอใจหยิบยกไปอ้างอิง อ้างถึง หรืออ่านเอาความหมายทำนอง ‘ผู่แต่งตายแล้ว’ อย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรีเหงื่อกาฬที่เสียไปของผู่ประกอบสร้าง ซึ่งมีอนาคตไปไกลได้แค่ครูแก่ ๆ ในอำเภอศอกหลีก บ่มีคุณค่าราคมราคา อย่างดี ไวไวนี้ก็อาจได้เป็นมหาบัณฑิต ป.โทนำเพิ่น หรือบ่ก็แค่มีชื่อในไตเติ้ลเพลงลูกท่งจักเพลงที่บรรจงแต่งให้ลูกศิษย์มัธยมเอาไปฮ้องเฮ็ดเพลงทำไฟล์โหลดขึ้นไว้ในยูทูป อาจแม่นเพลงในไฟล์คอมที่ถูกปริ้นไว้อ่านแก้ซึ่งวางถิ่มไว้เทิงโต๊ะในห้องพักนั่นก็เป็นได้
ฮักเจ้า ฮักหลาย สิล้มสิตายคันฮ้าง
สัญญาซุ้มดอกส้มมั่ง จ่ายเพลงผญาว่าฮักสุดใจ
บ่ายก่อนเลิกงาน มีพยานนักเรียนหญิงชาย
เจ้าเอียงแก้มให้บ่อาย ตอบฮักเต็มคำ เธอจำได้บ่
ดอกเตอร์คนใหม่ อัพไฟล์ลบรักเคยชื่น
อาจารย์หนุ่ม ม. เป็นหมื่น คึดแล้วกลืนน้ำตาจ่อหล่อ
ครูหนุ่มชุมชนนาสวนศักดิ์ศรีบ่พอ
บ่สมดอกเตอร์ดอกหนอ ต้อยต่ำส่ำตอ ป.โทระทม…
จั่งซั่น ผู่ข่าจึงขึ้นรถมาเทื่อนี่แบบ …ฟ้าเอ๊ย ฟ้าฮ้องหล่าย ไปตามลายมันสาก่อน เด้อละนาง…
ที่หมอลำ ป.ฉลาดน้อย ส่งเสริม หมอลำทางล่องทำนองอุบลผู่ยิ่งใหญ่เพิ่นว่าไว้
2
รถบัสพัดลมคันสีส้มเคลื่อนข้ามคลองสมถวิลเลี้ยวขวา กำลังจะทรงตัวกลับมาอยู่ในแนวขนานกับเส้นแบ่งช่องจราจร ผู่ข่ามองลอดช่องหน้าต่างทางซ้ายออกไป เห็นหญิงสาวใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวนวลแขนสั้น สวมกางเกงยีนส์ขาทรงกระบอกหลวมพอดี และสวมรองเท้าแตะคือกันกับผู่ข่าเลย
เธอยืนโบกรถที่หน้าร้านหนังสือดอกหญ้า รถจอดให้เธอขึ้นมาทางประตูหน้า สาวน้อยกำลังเดินมาทางผู่ข่า ใบหน้าเธอเบ่งบานปานดอกจำปาขาวทางขึ้นวัดพูเมืองจำปาสักหล่นค้างใบหญ้าอาบหมอกเช้าพู้นละ แม่นคัก เธอบ่มีที่นั่งแน่ ถ้าบ่มานั่งข้างผู่ข่านี่
“นั่งนำอ้ายได้บ่”
“นั่งข้างหน้าต่างบ่ล่ะ” ว่าแล้วผู่ข่าก็ลุกขยับให้เธอเข้าไปนั่งด้านใน
“ขอบใจหลาย” สำเนียงคือคุ้น ๆ คำ ‘ใจ’ นี่ ขึ้นเสียงสูงซันดีแท้
3
เฮาดม เว้าจา สนทนากันถึงที่มาของกันและกัน
รถประจำทางวิ่งแล่นด้วยความเร็วแต่นิ่มนวลราวยานอาวกาศที่อยู่ระหว่างโมงยามปราศจากข้าศึกสงครามในหนังไซไฟฮอลลี่วูด ทุกครั้งที่รถจอดก็จะมีคนลงตามรายทางเป็นระยะ จนถึงในเมืองร้อยเอ็ด คนที่นั่งอยู่เบาะใกล้เฮา ก็ค่อยหายไปที่ละเบาะสองเบาะ
รถมุ่งหน้าสู่ธวัชชบุรี ผู่ข่าแลซ้ายมองขวา ผู่โดยสารอยู่เบาะหน้าสี่ห้าคู่ และเบาะทางหลังอีกสามสี่คน ปล่อยตรงกลางรถให้ผู่ข่ากับผู่สาวคุยกันเพียงลำพัง
รถผ่านศูนย์ราชการมาไกลจนใกล้ถึงป่าด้านขวามือ ใช่ ผู่ข่าจำได้ นั่นค่ายลูกเสือธวัชบุรี ที่เคยนอนคลุกฝุ่นอยู่เป็นอาทิตย์ ในการฝึกภาคสนาม นศท.ปีสาม
แน่ละ ผู่ข่าได้เล่าเรื่องบางเรื่องให้สาวหน้าผากกว้าง ใบหน้าหวาน แม้สันจมูกจะไม่ตั้งสูงนัก แต่ก็พอดีพองามตามแบบฉบับสาวลาวใต้เมืองปากเซดอนโขงดอนซาด ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่ม ยิ้มฟันสวยแม้เล่มคู่หน้าจะใหญ่เกินหมู่ไปนิด แต่กะดูแข็งแรงดี กลิ่นเนื้อหอมเย็นอ่อน ๆ ปานกลิ่นพวงขะยอมบานดั้วข้างโพนผักบั่วเฒ่าพ่อ ผู่ข่าแอบแนมซอมสิ่งผมดำปานเสื้อไหมเหยียบย้อมหมากเกลือของย่า ดูเป็นมันขลับยาวสลวย พลิ้วเล่นลมเคลียบ่าคลอแก้มอูมนวลใส ปลายผมขี้เล่นบางจังหวะก็ขยับหยอกเสื้อผ้าฝ้าย บางลีลาคล้ายแกล้งกระเซ้าเย้าเนินเนื้อตรงอกสาวยามรถทะยานวิ่งไปข้างหน้า
ข
ผมคงมุดอยู่ในอ้อมกอดของกระดาษปริ้นตัวบทเพลง-ลำคีตกวีนิพนธ์ทางฝั่งขวาของแม่น้ำของช่วง พ.ศ. 2525-2545 ซึ่งผมแกะเนื้อมันจากม้วนเทปและแผ่นซีดีนับร้อย ๆ มาแล้วเกินสิบวัน ในห้องหอพักแถวขามเรียง เลียบริมฝั่งชีกันทรวิชัย ทางมอใหม่ไทสารคาม บ่ได้กิน ดื่ม อาบ ขับถ่าย บ่ได้คุยได้จากับใผ ก็งานวิจารณ์กวีนิพนธ์ร่วมสมัยในรูปแบบทฤษฎี การวิจัยทางวรรณคดีหลังสมัยใหม่ ที่ผมบังเอิญสนใจทฤษฎีสัมพันธบทของโรล็องด์ บาร์ธส์ นักสัญศาสตร์วรรณกรรมชาวฝรั่งเศส โดยได้เชื้อไฟของการค้นคว้ามาจากหนังสือเล่มนั่นละ สัญวิทยา, โครงสร้างนิยม, หลังโครงสร้างนิยม กับการศึกษารัฐศาสตร์ ของไชยรัตน์ เจริญสินโอฬาร ตามที่อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำและผลักดันให้ใช้มันทำงานวิจัยป.โทนี้ มันนำผมมาตกไกลหลายคัก
พอตื่นขึ้นอีกเทื่อ มองผ่านหน้าต่างหอพักลงไป ก็เห็นรถ 1669 นำร่างผมไปให้หมอพิสูจน์ทราบการหยุดทำหน้าที่ของอุปกรณ์ก้อนเนื้อภายในร่างกาย โอ นี่มันปลอดโปร่งโล่งโถงคักแท้ การขึ้นสอบบทที่สี่ที่ห้า เพื่อจบการศึกษาในเวลาที่บีบหัวใจ หนึ่งเดือน จะได้ไม่ต้องเกิดขึ้น บ่ต้องให้กำเนิดเล่มวิทยานิพนธ์ที่มันอาจต้องอยู่อย่างเจี๋ยมเจี้ยม บ่ต้องพลอยอายเขิน ว่าจะทัดเทียบเทียมกับงานวิจารณ์แนวขนบทั้งการวิเคราะห์เชิงอนุรักษ์ฉันทลักษณ์และแนวนิยมเชิงสุนทรียภาพแบบแผนได้หรือไม่
ดีเหมือนกัน ปล่อยให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวบทเพลง-ลำคีตกวีนิพนธ์ทางฝั่งขวาของแม่น้ำของเก่าใหม่กลายเป็นความลึกลับอีกต่อไป ไม่ต้องได้ยินกรรมการสอบบางท่านสรุปความเห็นเป็นทำนองแบบตอนสอบเค้าโครงสามบทแรก
“อาจารย์ขอชื่นชมคุณนะ นี่เป็นเรื่องที่อาจารย์ก็เพิ่งได้เรียนรู้…”
นี่ท่านอาจารย์เพิ่นชื่นชมผมจริง ๆ แม่นบ่นอ หรือแค่ส่งสัญญะอันหนึ่งอันใดให้ผู้อพยพทางแนวคิดทฤษฎีหลังโครงสร้างนิยมไว้พิจารณาเจ้าของเล่าหนอ
4
ผู่ข่าเคยมาฝึกรด.หม่องนี่เด ได้เป็นหัวหน้าหมู่ในกองร้อยสี่ จำได้ดี คืนนั้นเป็นคืนแรก ลมหนาวเดือนสิบสองพัดต้นไม้ดังอื้ออึง ในค่ายลูกเสือที่ถูกเรียกในห้วงนั้นว่า ค่ายฝึกภาคสนาม นศท. ปีสาม สมาชิกค่ายคือนศท.ที่ขึ้นตรงต่อจังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด ผลัดนั้นมีนศท.จากโรงเรียนในจังหวัดยโสธรกับร้อยเอ็ด รวมกันสักสิบหรือสิบเอ็ดโรงเรียนนี่ละ
มื้อรายงานตัวเข้าฝึก หลังเสร็จกิจกรรมภาคค่ำแล้ว นศท.ก็ถูกปล่อยไปยังค่ายพักตาม กองร้อย ผู่ข่ากับหมู่อยู่ร้อยสี่ ไปถึงที่พัก หัวหน้าหมู่ก็ต่างจัดเวรยามเฝ้าค่าย ซึ่งกะคือเรือนสำนักงานบ้านไม้ทรงไทยมีจั่วชั้นเดียวขนาดย่อมสี่หลัง ผู่ข่าในฐานะหัวหน้าหมู่ที่สี่ ที่สมาชิกเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน จัดให้นศท.รุ่ง เพื่อนคนร่างใหญ่ผิวเข้มฟันขาวหน้าตา ดูคลับคล้ายบัวขาว บัญชาเมฆ เป็นเวรยามผลัดแรกอยู่ช่วงสามถึงสี่ทุ่ม เราจะผลัดเวรกันทุกชั่วโมง
ลมหนาวพัดหน่วงหนัก เสียงนศท.ทุกกองร้อยเงียบลงได้พักใหญ่ เสียงแมลงกลางคืนก็หลบให้เสียงลมบรรเลงเพลงสดหนาวกระชากใจแต่เพียงลำพัง ความวังเวง ชวนให้คิดถึงที่นอนที่บ้าน
ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลมาค่ายกว่าร้อยกิโลเมตร จากอำเภอค้อวังเมืองริมฝั่งซีตอนใต้ขึ้นเหนือข้ามซีเทื่อแรกจากฝั่งขวามาฝั่งซ้ายที่เมืองมหาชนะซัย แล้วจึงข้ามซีคืนมาฝั่งขวาอีกเทื่ออยู่แถวท่าสะแบง เมืองเสลภูมิ ทำให้รุ่งผู่ยืนเวรหน้าที่พักในท่าตามระเบียบพักต้องทรุดลงนั่งพิงเสาเรือนพัก ไม่ถึงอึดใจที่นั่งลง เพื่อนก็หลับเซือบไป ไม่นานก็ได้ยินเสียงสวบ ๆ และเสียงคุยกันของคนเดินผ่านป่ามืดดำมายังที่พักของหมู่ผู่ข่า แน่เลยหนึ่งในเสียงนั่นคือครูผู้กำกับนศท.โรงเรียนของเฮานั่นเอง
“หลับเวรเหรอ ทหาร! แถวตรง!” ครูอำนาจสั่ง ในมือกำปืนเอ็มสิบหก กดปลายปืนลงพื้นทางหน้าขาซ้าย ทหารอีกนายที่เป็นครูฝึกประจำกองร้อยยืนข้าง ๆ กัน ยิ้มพอใจ ฟังจากน้ำเสียงแล้วแสดงว่าแอลกอฮอล์ไหลลงท้องคนทั้งคู่มาเกินขนาดที่ร่างกายจะควบคุมสติได้อย่างปกติ จึงย้อมใจให้เกิดความสนุกสนานในการใช้อำนาจ สมชื่อ
“ไปมุดน้ำในถัง ปฏิบัติ” เพื่อนของเราวางปืน วิ่งไปยังตีนป่าเยื้องๆ กับที่พัก ที่ที่มีถังน้ำอาบอยู่ห้าใบ เป็นถังสังกะสีที่เคยใช้บรรจุน้ำมันมาก่อน เขาเอายางมะตอยทาเคลือบด้านในสำหรับใส่น้ำอาบ
“ลงไป ไวเข้า” ลมหนาวเหน็บเนื้อ เพื่อนเราหันมองหน้าคนสั่งเหมือนขอความเห็นใจ
“ไม่ต้องมอง ลงไป!” ผู่ข่ามองผ่านปลายเท้าตัวเองออกไปยังประตูบ้านพักที่เปิดอ้าอยู่ เห็นเพื่อนผู่โชคร้ายของเราค่อยๆ ปีนและหย่อนตัวลงถังขี้โล่ที่มีน้ำเย็น ๆ รออยู่
“ดีๆ มุดน้ำลงไป… นั่นแหละ ๆ ขึ้นมา ไปยืนเวรที่เดิม” เพื่อนรุ่งวิ่งมาถือปืนด้ามไม้สมัยสงครามโลก ยืนทะมัดทะแมงตัวแข็งทื่อในท่าตามระเบียบพัก แต่ส่วนปากคางขากรรไกรสั่นรัว
“ห้ามหลับเวรอีกเป็นอันขาด” สิ้นคำสั่ง ทั้งคู่ก็เดินคุยกันหายเข้าไปในฉากป่ามืดดำ มีเพียงเสียงหัวเราะพอใจแทรกดังย้อนออกมาตามจังหวะกระแสลมหนาวกรรโชกป่าไพร
พอครูไปแล้ว เวรผลัดต่อไปก็ลุกไปเปลี่ยนเพื่อนรุ่งอย่างเร่งรีบ ไม่ต้องให้เตือนกัน
เจ้าฟังอยู่บ่ ผู่สาว
พอครูไปได้เดี๋ยวเดียว เพื่อนรุ่งก็เริ่มร้องไห้โฮ เฮาลุกขึ้นมาปลอบ
“ผู่ข่าสิเมือบ้าน ๆ” ลูกผู้ชายร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่อายเพื่อนอายใคร เนื้อตัวทั้งชุดฝึกเปียกปอน สั่นเทา ผู่ข่าต้องเอาผ้าห่มมาตุ้มเพื่อนไว้
“อยู่ก่อน ๆ ไว้แจ้งแล้วค่อยว่ากันน้อ”
เวลาคืนนั้นขยับตัวผ่านไปไวบ้างช้าบ้าง ตามแต่ความคิดอ่านของนศท.แต่ละคน แต่ส่วนใหญ่คงว่ามันไวหลาย นอนยังบ่อิ่มจ้อย มาแจ้งไวตายแท้
แล้วเสียงนกหวีดครูฝึกก็ดังแทรกความมืดและเงียบหนาวของตีห้า ทุกคนจัดแจงแต่งตัวรวดเร็ว วิ่งจั้นไปเข้าแถวรวมพล
เช้านั้นเราวิ่งออกกำลังกันจนตาเว็นขึ้นเหนือทิวไม้ เสื้อผ้าชุดคาคีงเพื่อนรุ่งเริ่มหมาด พอยามสาย ๆ มาก็แห้งสนิท เฮาอยู่ค่ายด้วยกันครบทุกนายจนจบห้วงฝึก
5
“ฟังเบิ่งคือเป็นตาลำบากคักน้ออ้าย”
“ต่างคนต่างบ่อยากคัดทหาร ทนเอา”
“เป็นทหารนักเฮียน เพื่อบ่อยากไปเป็นทหารในกองทัพซั่นตี้”
“ก็จบรด.ปีสามแล้ว ถูกปลดเป็นทหารกองหนุนเลยไง พอเรียนจบปริญญาตรีไปทำงานไส ซำบาย บ่ต้องหลบต่าวกลับไปถูกทางการเกณฑ์ไปเป็นทหารอีก”
“ดีอยู่นอ”
“ดียุ ๆ”
ก
ขบวนผู่อพยพจากนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน หนีการไล่ล่าของฝ่ายเวียงจันทร์ เลาะเลียบฝั่งลำซีลงมาเรื่อยๆ จนมาถึงบ้านแดงหม้อใกล้บ้านกุดกะเสียน เมืองเขืองใน พระวอพระตาให้หยุดทัพพักเซาเอาเหงื่อเอาแฮง หุงหาอาหารกินกัน เวลานั่นเหมือนว่าสิได้ยินเพลงกวีพื้นถิ่นในอีกสามสี่ร้อยปีต่อมา เป็นเสียงของสนธิ สมมาตร ลูกหลานบ้านแดงหม้อ บรรเลงขับกล่อมญาติพี่น้องผู้อพยพหนีภัยสงครามดังแว่ววอน
…ดอกจานบานสะพรั่งกลีบโรย ดังแส้โบยหัวใจของพี่ให้แหลกเป็นผง เหม่อมองแม่โขง สายน้ำลิ่วลอยถอยลง…
นั่นล่ะ บทประพันธ์ของคีตกวีลุ่มน้ำของขนานแท้ ครูพงษ์ศักดิ์ จันทะรุกขา ต่อด้วยเพลง
…ผมจรรอนแรมจากลุ่มน้ำมูน ทิ้งถิ่นดอกคูนเพราะความรู้น้อยต่ำต้อยเพียงดิน…
นั่นสิ บทประพันธ์ของครูสุรินทร์ ภาคสิริ-ทิดโส สุดสะแนน
พักค้างแฮมคืนหนึ่งแล้ว ชาวลาวผู้อพยพหมู่หนึ่งจึงขอแยกตัวข้ามฝั่งซีหน้าแล้ง ฝ่าป่าดงใหญ่หนาทึบ ฝ่าป่าหนองหิ้งเมืองของงูจงอางเจ้าที่ ผ่านหนองยาง ลงมาตามทางที่ดวงตาเว็นเคลื่อนคล้อยลง มากันจนเมื่อยล้า จนตาเว็นใกล้ลับทิวไผ่ทิวยางนา ก็ถึงโพนที่มีซากกู่ของขอมเขมรโบราณอยู่ในดงยางดงเขวา จากโพนหันหน้าไปทางพายัพเห็นมีบึงบัวขนาดใหญ่อยู่บ่ไกล ที่นี่เป็นที่เหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานที่อยู่ใหม่โดยแท้
…นั่นแน่ะ แม่นล่ะ บรรพชนคนยางซุม…
ผู่ข่าฝันอีกแล้ว… ฝันประหลาดแท้เด
6
อีกเรื่องเกี่ยวกับชีวิตครอบครัว เจ้าอยากได้ยินบ่ล่ะ ผู่ข่าถามสาวข้างกาย ดูเธอจะชอบฟังเรื่องเล่า เรื่องของปู่ซม ปู่ของผู่ข่า ผู่ข่าเล่าให้สาวหุ่นโก้ เอวคอด อกและก้นใหญ่ ร่างสมส่วนส่ำนักวอลเล่ย์บอลมือตบทีมชาติจีน ผู่ข่าเล่าให้เธอฟังว่า
ปู่ซมนำขบวนเกวียนเทียมงัว อันมีสินค้าของอยู่กิน ผักบั่วหัวกระทียมพร้อมมาขั่วบ้านแลกเปลี่ยนสินค้าหากำไร มาถึงบ้านธวัช นอนค้างคืนในวัดและไหลตาย ไทบ้านใจดีเผาปู่เก็บดูกไว้ ในห่อผ้าเกือบเดือน ข่าวจึงถูกคนเดินทางคาบผ่านข้ามลำน้ำซีที่เมืองฟ้าแดดสูงยางมหาชนะซัยผ่านดงยางบ้านหัวดอน ตรงไปตามทางเข้าบ้านตากแดด บ้านน้ำอ้อม บ้านผีผ่วน เข้าบ้านค้อ บ้านดงมะหรี่ ทะลุผ่าดงลิงบ้านฟ้าห่วน โค้งตามทางลงใต้ ข่วมขัวห้วยพระบาง ผ่านบ้านโพนเมือง บ้านแข่ จนถึงเขตบ้านยางซุม
ข่าวเศร้ามาถึง ลุงซื่นกับพ่อซินจึงได้เขียวค่ำเขียวคืนเดินเท้าไปเอาดูกพ่อปู่ซมกลับเมือเฮ็ดบุญหา สายฝนเดือนเจ็ดเพ็งกับน้ำตาลูกซายไหลปนกันอาบทางเกวียนดินทราย เป็นวันเศร้าที่แสนรื่นรมย์จั่งใด๋กะบ่ฮู้ได้
7
ใกล้ฮอดเมืองเสลภูมิแล้ว ยินเสียงลำเพลินสำนวนกลอนอาจารย์ประกิต อุ่นทรวง แต่งให้รุ่งโรจน์ เพชรธงชัยเป็นผู่ลำโญ่นใส่จังหวะกาเต้นก้อน เสียงขึ้นลงสุดส่าว ม๋วนม่วน ดังมาจากลำโพงรถ เหมือนคนรถหรือโชว์เฟอร์จะรู้ใจผู่ข่า ดนตรีมิกซ์หน้าตู้ ทุกชิ้นเล่นสดในห้องอัด ออร์แกน พิณไฟฟ้า และแซคโซโฟน สลับกันเป็นตัวนำ มีกลองชุด กลองทอม ฉิ่ง ฉาบ และเบสทุ้ม ตึ่มตึมตึม ตึมตึ่ม เป็นฉากหลัง
…โอยเดนาง เสียงลอยลมมาแต่โมงเกินร้อย หัวใจคนคอยเดี๋ยวนี่หดหู่ คึดถึงแต่ซู้พี่อุดอู้บ่
หาย…
นั่น ๆ ห่าวหันแท้ เจ้ามักบ่ ลำเพลินแบบนี่
ผู่สาวยิ้มแทนคำตอบ ผู่ข่าหลับตาฟังลำ แล้วหลับไป
8
“อ้ายๆ ฮอดเมืองดงอู่เผิ่งแล้วเด” รู้สึกมีมือสาก ๆ ของผู่สาวจับแขนผู่ข่า เขย่าเบา ๆ
“น้องสิต่อรถปากเซเมือบ้านแม่นบ่” ผู่ข่างัวเงียถาม
“แม่นแล้วอ้าย”
“ให้อ้ายเมือนำได้บ่เด”
“มาติอ้าย เมือบ้านเฮา แม่น้ำของสี่พันดอน”
A
ผมกับผู่ข่าคงตายแล้วนอ ผู่สาวที่คุยนำ แค่เคยเห็นขึ้นรถบัสคันหนึ่งข้างคลองสมถวิลแห่งเมืองตักศิลา และเธอก็ไปลงที่ธวัชบุรีในมื้อนั่น
มามื้อนี่ เธอมาขึ้นรถและย่างนำหน้า ทางดินขี้ตมเละบนดอนซาด กลางมหานทีสี่พันดอนนี่ได้จั่งใด๋
โตผมกับโตผู่ข่าหรือเธอตายก่อนกัน
ผมไม่กลัวเธอ เธอไม่กลัวผมและผู่ข่า
เฮาตายแล้ว! ซั่นบ้อ?
เฮากำลังกลับเมือบ้านหรือ?
ผู่ข่ากับผมเป็นใครกัน เป็นนักศึกษา เป็นพลเรือน เป็นหลานซายปู่ซม-นายฮ้อยงัว
เป็นลูกเป็นหลานผู้อพยพอยู่ไหม?
เอ…นี่สองฝั่งทางดิน ซุมพี่น้องเฮากำลังไถนา ลกกล้า ดำนา โอ นั่น บักหำน้อยป๋าโต ยิ้มใสอยู่ข้างคันแท กำลังเล่นน้ำนาที่ทอสีเงินแผ่ผืนกว้างไกล ปานฮูปแต้มสีน้ำมันของศิลปินหนุ่มเมืองหอมแดง งามแท้เด
ตีนเปิ่มผู่ข่า ย่ำย่างทางดินขี้ตมปนขี้ควย ตามก้นผู่สาวที่ขยับอยู่เบื้องหน้า
เธอค่อยๆ ห่างออกไป ห่างออกไป ทรวดทรงลีลาผู่เพิ่นสะพายเป้หลังนั่นงามปานช้าง งาก่วยกวยหาง
เสียงกบเขียดดังม่วนนวลหู ตาเว็นดวงส้มกลมใหญ่ใกล้สิลับทิวพร้าวทิวไผ่ สองเฮาเดินสวน
รถไถสกายแล็บของนักท่องเที่ยวชุดสุดท้ายของวัน แม่นแล้วล่ะ ผู่ข่าตามก้นผู่สาวมุ่งหน้าไปทางหลี่ผี
เฮือนไม้สักหลัง ฮิมน้ำใกล้ขัวสะพานที่ทหารฝรั่งเศสสร้างเอาไว้ในดงพร้าวเบื้องหน้า…
(ส. 22 ก.ค. 2560)
วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2565
ผู้โชคดี
-เรื่องสั้นโดย คีต์ คิมหันต์-
22 ธันวา
ถึง คุณ ณ อีกหน้าจอ
ความจงใจใดเล่า จะทำให้อึดอัดขัดเคืองได้มากกว่า การสารภาพรัก แม้มันจะดูน่ารังเกียจเมื่อทำมันลงไปผ่านโลกเสมือน แต่ใจก็มิวายกังวลว่า สมควรไหม
จริงอยู่เราส่งข้อความสนทนากันมายาวนานกว่าสิบแปดปีแล้ว แม้ไม่ใช่การสื่อสารแบบทางเดียวเสียทีเดียว เพราะคุณก็โต้ตอบมาบ้าง เป็นข้อความง่ายๆ แต่สุภาพ จนผมประทับใจ บางคำบางวลี หรือกระทั่งบางประโยค ถึงขั้นอิ่มเอม ซาบซึ้ง ถึงขั้นเก็บมานอนฝัน หรือส่วนใหญ่คุณอาจแค่ส่งสติ๊กเกอร์รูปมือชูนิ้วโป้งมาให้แทนการตอบด้วยขบวนอักษร กระนั้นผมก็คิดในทางบวกเสมอ
วันนี้แค่นี้ก่อนนะครับ ผมต้องเตรียมกระเป๋าออกเดินทางก่อน ไปที่ทุ่งแห่งนั้น ที่ผมเคยเขียนเล่าว่า ผมอาจเลือกเป็นที่ตาย
ปล. ฝุ่นเยอะมากนะ ในเมืองของเรา ดูแลสุขภาพนะครับ
------
11 มกรา
ถึงคุณ ที่ความคิดถึงยังคึดฮอดตลอดเรื่อยมา
ผมตั้งใจ ไม่กวนคุณด้วยข้อความบันทึกมาเป็นยี่สิบวันแล้ว ส่งแค่ภาพถ่ายใบส้มแบงหลากลีลาบวกอักษรโตธัมม์และคำไทย มาให้ทุกเช้า
หากคุณเผอิญนำมาลำดับเข้า คิดตั้งเป็นชื่อบทนวนิวยายสักเรื่อง แล้วลองลงมือเขียนอย่างที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ เราก็น่าจะได้นวนิยายเล่มงาม ไว้บอกกล่าวแก่คนที่จะมาอ่านมัน ว่ามันจะอยู่คู่โลกใบนี้ไปอีกนานแสนนาน
ผมตัดสินใจอยู่และสร้างงานที่นี่นะ หากคุณอยากแวะมาบ้าง ผละจากเมืองฝุ่นละออง หนีจากองค์การอันทรงเกียรติ พักการงานอันช่วยพยุงอุ้มชูสังคมของคุณ มาอยู่ชื่นชมธรรมชาติบ้านทุ่ง ดงหญ้าป่าละเมาะพื้นเมืองและสวนป่าดอกไม้ยืนต้นประจำถิ่น สักสัปดาห์บ้าง ก็คงนับเป็นโชคดีของผมมิใช่น้อย
(ก็คุณเขียนเล่าไว้ในสเตัสส่วนตัวนี่ ว่าคุณเป็นคนรักธรรมชาติและรักคนอยู่คนรักษาธรรมชาติ)
โอ ถึงเวลาชมดอกกะยอมแล้วเด
----------
11 กุมภา
ถึงคุณ คนงามสะพรั่งกลางใจดั่งพั้วดอกขะยอมหอมเช้าหมอกขัวนัว
ยินดีและขอบคุณหลายที่แจ้งให้ฮู้ผ่านคลิปอ่านบทกวีในยูทูป "ลาวเว่าว่า ชาแนล" ทำให้ข่อยเพิ่งมั่นใจว่าเจ้าบ่ขะลำแถมยกยอภาษาอีพ่ออีแม่เฮาอีกนำ
ต่อเรื่องพี่ชายเจ้าของสวนป่าขะยอม จาน ส้มแบง และเสลา กันนะ
เขาเคยเป็นมาหลายอย่าง ก่อนจะมาทำสวนป่าแห่งอนาคตอันรื่รมย์ของข่อย โดยขณะลาวลงมือลงแรงปลูกเสริมต้นไม้สี่สายพันธุ์นี้ ให้เป็นแถวเป็นแนว แทนที่การปลูกยางพาราไร้ราคาค่างวดที่ปลูกแทนข้าวนาปีในที่โคกดอนมาอีกทอดหนึ่ง
ที่แห่งนี้เคยเป็นมรดกของครอบครัวเฮา แต่เพราะอ้ายเพิ่นมักเดินทางท่องเที่ยวถ่ายภาพ พบปะเพื่อนใหม่ๆ ไปทุกภาคของประเทศ เพื่อนสมัยป.ตรี ที่รามคำแหง ก็ช่างชวน และเลี้ยงดูปูเสื่อเอื้อเฟื้อดีนักแล ทริปหลายสิบทริปไปประเทศในอุษาคเนย์และเอเชียก็เกิดขึ้น เพิ่นได้ไป ได้ถ่ายภาพ ได้ขายภาพ
พักหลังคลั่งไคล้ถ่ายภาพดอกไม้ประจำถิ่น ถึงขนาดขอเพื่อนเจ้าของต้นขะยอมในที่ข้างๆ กันนี้ ทำบ้านต้นไม้แบบง่ายๆ กินนอนอยู่ในนั่นกับกล้องถ่ายรูปดิจิตอลตัวหนึ่งเป็นอาทิตย์ ตั้งแต่ดอกขะยอมเริ่มจ่อดอกจูมจีจนมันร่วงหล่นดินหมดต้น จึงลงมา
รูปชุดนั้นเอง ที่เพิ่นฝากขายในเว็บ ได้รับค่าตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ จนสามารถซื้อที่ดินผืนนี้คืนจากลุงที่ป่วยเป็นมะเร็งตรงข้อมือ ตัดแล้ว ทำคีโมแล้ว ก็ไม่หาย เงินที่พี่ชายข่อยจ่ายซื้อที่สิบหกไร่ตรงนี้ แม้จะมากถึงเจ็ดหลัก (ทั้งที่นาโคกไกลถนนหลวง-แพงคักแน สมัยเงินบ่มีราคา) ก็ไม่อาจใช้รักษายื้อชีวิตลุงได้
จากนั้นอ้ายเพิ่นกะตัดขายไม้ยางพารา จ้างรถไถมาปรับที่เป็นสามล็อค ตามความยาว ถ้าหันหน้าไปทางทิศเหนือ แถวติดแดนซ้ายสุดกะล่ะแม่นกกจาน ถัดมากะแม่นขะยอม ส้มแบง และเสลาเรียงแถวยุขวามือสุด
พันธุ์ไม้นี่เพิ่นได้มาจากการลงมือเพาะเอง ปลูกไปนำ เพาะไปนำ โดยเดินคอนกะต่าหาเก็บนำต้นแม่ตามงานนาท่ง นาโคกของพี่น้องอ้อมหมู่บ้าน
ใช้เวลาอยู่เป็นสิบปีกว่าสิได้แถวกกไม้ครบทุกต้นตามประสงค์ ที่เพิ่นตั้งใจปลูกให้ห่างกันต้นละซาวเมตร
ใผมาเห็นตอนนั่นกะล่ะแม่นว่าเพิ่นเป็นบ้า ชาวบ้านเขาเฮ็เนาปลูกเข้า ปลูกหอม พริก ฟักแฟง แต่งเต้า หรือบ่กะยางพารา มันสำปะหลัง นี่อีหยัง ปลูกกกไม้ ที่มันกะมียุแล้ว ปลูกทำไม บ้าไปแล้ว
แต่มาถึงตอนนี้ เกือบสามสิบปีเต็ม ทุกต้นใหญ่สูงเป็นหนุ่มสาวทรงพุ่มแผ่กว้าง ถึงฤดูก็เริ่มแต่งต้นด้วยดอกงามตามสายพันธุ์พ่อแม่
ข่อยโชคดีที่สุด ได้มาชื่นชมผลงานบทกวีต้นไม้ให้ดอกตามฤดูกาล ที่ผู้สร้างสรรค์ปั้นแปงตายจากไป ก่อนจะได้ชมดอกดั้วพวงก่องงามทั้งหลายนี่
ไว้คุยกันต่อเดอครับ ไปถ่ายฮูปดอกเสลาม่วงเทางามก่อน บ่ายคล้อยแดดงามแสงงามเดี๋ยวจะพลาด เดี๋ยวผมส่งคลิปดอกเสลาเคล้าสายลมมาให้นะ
คึดฮอดกันน้อครับ ดีหลายๆ
----------
14 กุมภา
หญิงสาวนั่งรถสองแถวประจำทาง ที่เคลื่อนออกจากตัวจังหวัด มุ่งไปสู่สวนป่าเบญจพันธุ์ เธอชั่งใจอยู่นาน ระหว่างเรื่องราวพิลึกของพี่ชายที่ตายไปของเขา ตัวเขา และสวนป่าดอกไม้ประจำถิ่น หรือบันทึกในกล่องข้อความกันแน่ ที่ทำให้เธอลาออกจากงาน เพื่อหนีเมืองฝุ่นฝ้าล้าอ่อน ไปยังที่ๆไม่เคยไป ไปหาคนที่เหมือนคุ้นเคยแต่ไม่เคยอยู่สองต่อสองเกินสองนาที
แน่นอนทีเดียว ตามที่เขาบอก ต้นไม้ทุกต้นดอกวายก่อนหน้านานกว่าสองสัปดาห์แล้ว แต่ความงามของรูปร่างลำต้นและใบเขียวใหม่ ที่ยืนอวดทรวดทรงปานแถวนางงามจักรวาลก็ยังชวนชม ชวนหลงใหล
เธอหวังว่า การตัดสินใจครั้งนี้ อย่างน้อยก็คงไม่เลวร้ายถึงขั้นป่วยหนัก หรือทำให้บาดเจ็บล้มตาย อย่างน้อยก็คงได้เห็นสวนป่าตัวเป็นที่เคยฝันเห็นตลอดห้าปีมานี้.
วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2564
กระจกคำ
วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2564
ทางเลือกใหม่ [เรื่องสั้นทันเล่า โดย ทางหอม]
ในซอยแยกจากสายรอบเมืองที่เป็นถนนหลวงแปดเลน
เข้าไปราวร้อยเมตรเศษ… นับจากมุมรั้วบ้านหลังติดถนนใหญ่เข้าไป บ้านหลังที่สาม
นั่นล่ะๆ เป็นบ้านของเขา
สองหลังแรกในรั้วเดียวกันนั้น เป็นบ้านของคนอื่น
หลังด้านหน้า ที่เป็นบ้านติดทางหลวง ในรั้วเดียวกันนั้น เจ้าของคืออดีตผู้อำนวยการโรงเรียน
หลังด้านในที่มีแค่รั้วกั้นกับบ้านเขา เจ้าของ ท่านปลูกให้ลูกสาว ที่กำลังใช้ชีวิตเดินตามรอยเท้าพ่อ แบบไม่ทิ้งห่างไปไหนเลย
ส่วนบ้านตรงข้ามซอยนี้ ที่เป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่โต พื้นที่กว้างขวาง ปลูกต้นไม้ไว้ร่มรื่น นั่นคือบ้านของผู้มีอันจะกิน
ข่าวว่าเจ้าของบ้านทำกิจการร้านทำป้ายโฆษณา ที่ลูกค้าหลักเป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเขายังไม่เคยรู้จักหน้าค่าตาเลย แม้จะย้ายมาอยู่ที่นี่กว่าสิบปีแล้ว
ซอยนี้ไม่มีใครจำเป็นต้องมาร่วมใช้แต่อย่างใด เพราะบ้านคนรวย เขามีทางเข้าต่างหาก เป็นซอยส่วนบุคคลที่อยู่ถัดเข้าไปด้าน
การเข้าออกบ้านของเขาผ่านซอยนี้ จึงไม่ได้เป็นปัญหาใด ๆ เลย แม้มันจะกว้างแค่พอให้รถปิ๊กอัพสี่ประตูคัน ที่เขาเพิ่งผ่อนงวดหมดลงหมาด ๆ เข้า-ออกได้พร้อม ๆ กับคน ๆ เดียวที่เดินตัวลีบ เพียงแค่นั้นก็ตาม
เขาตั้งชื่อซอยส่วนตัวนี้ ว่า “ซอยบรรจบพร” บรรจบ นั่นชื่อเขา พร ชื่อเมียเขา มันเหมาะสำหรับการเข้าออกดีแล้วและลับตาคนดีด้วย
คนที่อยากมาหาเขา แบบไม่นัดล่วงหน้า มักจะหาบ้านเขาไม่เจอ
ประเภทเพื่อนร่วมงานขาจรที่มาพร้อมกับกิจการงานจ้อจั้นเอย ญาติมิตรไกลห่างที่หวังจะมายืมเงินเอย คนรู้จักที่จะมาขอให้ทำโน่นนี่ให้แบบไม่คำนึงถึงน้ำจิตน้ำใจบุคคลอื่นเอย ยิ่งเฉพาะพวกเดินขายสินค้าและบริการประเภทจู่โจมที่เขาไม่ชอบใจเอาเสียเลยนั้น ล้วนไม่มีทางได้พบเขาเป็นแน่
ซอยส่วนตัวนี้ มันลับลวงพรางเสียจริง ๆ
แต่ตอนนี้ เขาชักจะทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ เพราะซอยที่เขารัก มันได้กลายเป็นอ่างเก็บน้ำไปเสียฉิบ
มันเริ่มเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่บริษัท ส.เข้มข้น-ผู้รับเหมา เขาเริ่มลงมือทำโครงการอุโมงค์-สะพานทางข้ามสี่แยกดงอู่ผึ้ง ที่อยู่ห่างบ้านเขาไปทางทิศใต้ไม่ถึงห้าร้อยเมตร และสี่แยกวนารมย์ ที่ไกลออกไปทางตะวันออกราวสองกิโลเมตร
ถนนหลวงแปดเลนใกล้สี่แยก ถูกยกระดับและเทคอนกรีต สูงเกือบเท่ากำแพงบ้านผอ.ออ.เก่า
ฝนตกจริงจังทุกครั้ง น้ำจากถนนใหญ่ก็ไหลมาออเอ่อกันในซอยบรรจบพร เหมือนจะเชิญชวนให้เขาเอาปลามาปล่อยเลี้ยงให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
จนล่าสุด ขากลับจากที่ทำงานค่ำ ๆ เขาเลี้ยวรถลงซอยแบบใจไม่ดีเลย รถยกสูงของเขาค่อยเลื้อยลุย ระดับน้ำปริ่มขอบล้อรถยนต์ใหญ่ขนาด 265 วงล้อ 17
เลี้ยวซ้ายขึ้นเนินตัวบ้าน จอดรถเสร็จ ลงมาเปิดสวิตช์ไฟรั้วบ้าน เดินออกมาดูซอยบรรจบพร
ระลอกคลื่นจากแรงรถวิ่งผ่าน ยังเหลือทยอยกระทบกำแพงรั้วสองฝั่ง สะท้อนแสงไฟจากรั้วและจากทางหลวงแปดเลน เป็นประกายวาวหม่น… เหมือนแสงกระทบจากน้ำตาที่เอ่อท้นดวงตาของใครสักคน ที่อุกอั่งเหลือใจกับความรันทด ไร้ทางออก ของตน ๆ
***
“อยากขายก็ขายเดอ บ้านน่ะ” คำพูดเมียก่อนเสียชีวิตเมื่อเดือนแปดปีก่อน ยังดังก้องในสำนึก
“บ่ดอก” เขาตอบตามจริง เพราะกว่าสิบปีที่เมียที่ป่วยเป็นมะเร็ง คอยเป็นเพื่อนทุกข์ ผลัดกันประคองชีวิตจิตใจกันมา จอบซอมพิจารณาสังขารอยู่เนืองๆ มิขาด
ประกอบกับชีวิตที่เดินทางมาผ่านเลยปีที่ครึ่งร้อยมาห้าปี มันทำให้ไม่อยากได้อยากดี ไม่อยากมีอยากเป็นอะไร ๆ ทั้งนั้น เป็นความสัตย์จริงที่เขาเห็นเด่นชัดข้างในใจตนมาระยะหนึ่งแล้ว
***
แต่หลังจากภารโรงคนคุ้นเคย ป่นเห็ดแกงเห็ด หาข้าวปลามาสู่กินกันกว่ายี่สิบห้าปี มาให้ข่าวว่ามีบ้านจะขายให้ เป็นบ้านน้องสาวของตนเอง เธอไปอยู่ต่างประเทศหลายปีแล้ว
บ้านทรงโมเดิร์นหลังเล็กอยู่กลางทุ่งนา ร่มรื่นด้วยพุ่มใบมันปลาทางซ้ายและหว้าใหญ่ทางขวา
พักหลังมานี้
เหมือนมีมนต์ดลให้เขารู้สึกผูกพันกับบ้านน้อยหลังนี้ มากขึ้น ๆ อย่างบอกไม่ถูก
อาจเพราะขับรถมาทำงานก็มอง ขอบรถกลับบ้านก็มอง...
“แมนอิหลีตี้อาวโส” เขาถามย้ำ
“ครูสนใจบ่ล่ะ คันสน เข้าไปอยู่ก่อนได้เลย กุญแจอยู่นี่ เอ๊านี่ เอาไป”
***
รถด้ำสี่ล้อสีเทา ๆ ทยอยเทดินถมซอยบรรจบพรให้สูงขึ้น อีกไม่กี่รถก็จะสูงจรดทางหลวงใหญ่แล้ว
เขายืนอยู่ที่ประตูรั้ว พิจารณาภาพที่เห็น …คอยคิวรถด้ำว่าง กว่าเขาจะยอมขนดินมาถมให้ นี่มันจะเป็นปีแล้ว!
แสงแดดยามเที่ยงเจิดจ้า เขาหยีตา ตอนแสงฟ้ากับกระจกมองหลังรถด้ำทำมุมกันเป็นแสงวาบ ๆ บาดลูกนัยน์ตา
พรุ่งนี้เช้า เขานัดลุงภารโรงโส ที่บ้านกกไม้คู่หลังน้อยนั่น และคืนนี้ เขาต้องปรึกษากับรูปเมียในห้องนอน เป็นครั้งสุดท้าย.
วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564
สุขสวย ๆ | เรื่องสั้นทันเล่า โดย ทางหอม
วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2563
กระเป๋าผ้าฝ้ายสีแดงมีซิปพร้อม เรื่องสั้นโดย คีต์ คิมหันต์
อันที่จริง จะเรียกว่าเอามาคืนบ่ได้ เพราะเดิมทีข่อยเองเป็นผู้ได้รับมาจากมือเพิ่น
“กระเป๋าแดงนี่ เอามาฝากค่ะ” หญิงสาวยื่นให้ ยิ้มหน้าบาน
“เนื่องในโอกาสหยังนอครับ” ข่อยตกใจปนปลื้มอก
“วันเกิดค่ะ เห็นชอบสะพายย่าม” เธอพูดเสียงใสแจ๋วราวกระจกวิเศษ
ควรจะเอิ้นว่าถุงผ้าจั่งสิถืก ในนั่นมีแท็ปเล็ตโตหนึ่ง หนังสือแปลเล่มหนึ่ง กวีนิพนธ์
บางขณะข่อยกะยิ้มให้กับตัวบทที่ยกชูใจ การออกแบบเล่มที่ม่วนคีง แต่แล้ว
อนุกรมารมณ์ กวีนิพนธ์ของเพื่อนกวีผู้นี่ช่างงดงามนัก มีสำนวนแปลกใหม่เล็ก ๆ
ข่อยตั้งใจว่า จะส่งเล่มนี้เข้าประกวดประชันขันแข่งกับหมู่กวีเพิ่น ทุกเวที
แต่บางที กะจักสิส่งไปเฮ็ดหยัง หนังสือคือรางวัลของผู้แต่งในตัวอยู่แล้ว ใช่ไหม?
บ่แม่นตี้?
ข่อยพบกวีหนุ่มครั้งแรก คราวไปงานค่ายนักเขียน-อ่าน และพิจารณาวรรณศิลป์ที่โรงเรียนขุขันธ์เมืองเก่าไปทางใต้ของเมืองอุบลจักร้อยซาวกิโล
จากน้องสาวคนน่าฮักผลักออกมาจากประตูสิเน่หาเป็นสองปีได้ ก็มาสู่คนน่าฮัก
มาครั้งนี้ สาวเจ้าในฐานะนักอ่านนักเดินทาง ที่พิสมัยความเรียบง่ายและตรงไปตรงมา
เรารู้จักกันมา ก็ปาเข้าไปสิบสามปีแล้ว หากนับรวมตั้งแต่ปีที่ข่อยแอบสนใจ
วันนั้นมีงานเปิดตัวหนังสือท่องเที่ยว “จำปาสักโดยใจฮักจำปา” ซึ่งเพื่อนสาวของเธอ
“จักหน่อยแล้ว” เธอว่า “เห็นหลับเลยบ่ปลุก” ยกกล้องในมือขึ้น กดฮูปหยังบ่ฮู้
ข่อยยิ้ม และทำท่าเป็นนายแบบตามสั่ง อย่างว่าง่าย
“บ่ต้องเกร็งดอกท่านบอ กอ เอาตามที่เป็นอ้ายนี่ละ”
วางกล้องลงบนโต๊ะ แล้วหยิบหนังสือ ‘อนุกรมารมณ์’ ที่ข่อยวางบนย่ามสีแดงไปเปิด
“ไปย่างเล่นแคมฝั่งมูนกันป๊ะ” เจ้าของเสียงซืม ก้าวออกจากฮ้าน ไปยืนเล็งกล้องใส่
ชวนอ่านฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก บรรณาธิการโดย วิทยากร โสวัตร ตามลิ้งค์ไปได้เลยครับ
https://theisaanrecord.co/2019/11/30/isaan-record-short-story-1/
ที่สุดของรัก
คลิก ฟังเพลงกันครับ ที่สุดของรัก คือเห็นความงาม เป็นความจริงล้ำค่า ที่สุดของเข้าใจ คือแสงเช้าสาดต้องยอดยางนาต้นใหม่ เป็นความปรารถนาผ่องพริ้...
-
ซวงใจแท้นอ ฝนมาห่าใหญ่ หญ้าไม้ดีใจ เขียวก่องขึ้นทันตา แปลกแต่จริง เรารดน้ำหญ้า รดน้ำต้นไม้ทุกวัน น้ำจากดิน น้ำจากท่อต่อจากเครื่องสูบ รดแล...
-
คลิก ฟังเพลงกันครับ ที่สุดของรัก คือเห็นความงาม เป็นความจริงล้ำค่า ที่สุดของเข้าใจ คือแสงเช้าสาดต้องยอดยางนาต้นใหม่ เป็นความปรารถนาผ่องพริ้...
-
เช้าล้างหน้า ความเก่าหลังก็พลันตื่น ความใหม่หน้าก็แวะมาทักทาย สายล้างหน้า ความเร่งรัดระรื่นเย้ยกดข่ม ความกระวนกระวายระรื่นโขกสำทับ เที่ยงล้า...