ผมไปพูดกับวัยรุ่นเรื่องการพัฒนาเรื่องสั้น-นิยายมา
มีนักเรียนวิจารณ์เรื่องสั้นเรื่องหนึ่งอย่างหัวเสีย
เขาว่า เนื้อหาสาระในเรื่องนั้นมันไม่ถูกต้อง เขารับมันไม่ได้
อารมณ์โกรธที่เขาแสดงออกผ่านเสียงพูดและกริยาท่าทางเอาจริงเอาจังอย่างนั้น
ก็พอจะอ่านสีหน้าที่อยู้ใต้หน้ากากอนามัยนั้นได้
เรื่องนี้มันติดในหัวผมมาหลายวัน
กลัวเหลือเกินว่า "เรื่องแต่ง" จะไปทำร้ายใครแบบนั้น
ผมให้เขามาหน้าชั้นเรียน ปล่อยให้เขาพูดจนพอใจ โดยไม่ขัด
แล้วให้ผู้แต่งเรื่องสั้นได้พูดบ้าง นักเขียนก็ยอมรับว่าข้อมูลที่บรรยายเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า
ในย่อหน้าที่คนอ่านพูดถึงมันไม่ครบถ้วนจริง ๆ เขายอมรับ และเขาได้แย้งด้วยว่า
ย่อหน้าดังกล่าวมันเป็นแค่ เป็นแค่ความคิดเห็นของตัวละครตัวหนึ่งที่เป็นเด็กนักเรียน
มันก็ย่อมสมเหตุสมผลที่มันไม่สมบูรณ์ (เหมือนตัวละครที่เป็นจิตแพทย์ หรือนักจิตบำบัด
-อันนี้ผมว่าเสริมในใจ)
หลังจากทั้งสองพูดแล้ว ผมก็ได้ย้ำว่า เรื่องสั้นคือเรื่องแต่งนะ
คนอ่านไม่ควรจริงจังกับมันจนเกินไป
แล้วผมจึงบอกว่า ผมชอบโครงเรื่องที่เรียบง่ายของเรื่องมากกว่าสาระข้อมูลของโรค
เรื่งราวชีวิตนักเรียนช่วงรอแม่มารับ กลับบ้าน ทานข้าว เข้าห้องนอน...
แม้ผ่านมาหลายวัน ตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกเป็นห่วงวัยรุ่นชายคนนั้น
แต่คิดว่า เมื่อเวลาผ่านไปเขาคงคิดได้ว่า
"เรื่องแต่งควรทำให้คนเรารื่นรมย์ เข้าใจชีวิตในทางสร้างสรรค์ มากกว่าเคืองขุ่นขัดข้อง"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น