วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

กลอนลำกำพร้า : คือลมฝนผ่านต้อง


กลอนลำกำพร้า

คำแต้มของ ธีรยุทธ บุษบงค์

(ตีพิมพ์รวมเล่มครั้งแรกชื่อ คือลมฝนผ่านต้อง พ.ศ.2554  โดยสำนักพิมพ์ทางหอม)


(๑)

อันนี่ละ พ่อแม่เอย

ฟ้าเอย ฟ้าสีดอกฝ้าย

ฟ้าเอย ฟ้าสีดอกติ้ว

ยามลมปลิว เมฆ ไหลเลื่อน

บัดนั้น ฟ้าร้องส่ง

บัดว่า ฟ้าร้องสั่ง

เสียงครืน ครืน ทางนั้น

เสียงครวญครางทางนี้

พี่หมอลำคิดฮอดน้อง

พี่หมอลำคิดฮอดบ้าน

เคยลงกล้าปักดำ

เคยลงน้ำหาปลา

มาบัดนี้

หมายใจพรรณนาเรื่อง

มวลสุมใจคนหนุ่ม

มวลฝันอันอ่อนนุ่ม

คือใยเยื่อบักนุ่นขาว

คือไหมผ้าแม่ทอ

มวลที่

เปราะบางแท้ปานข้าวโป่งขางไฟ

เปราะบางคล้ายตองสะแบงพอแดด

เป็นทำนอง

ถามข่าวบ้านถามข่าวคนเคยจา

ถามข่าวนาถามข่าวยังข้าว

ถามข่าวเจ้าพะนางสาวยุคดิจิตอล

ถามข่าวเอื้อยอ้ายน้องผู้นับวันขวัญไกลข้าง

ถามข่าวขวัญทางใกล้

ชี-มูลฟ้าหย่อน

โขงนทีฟ้าต่ำคล้อย

ลงใต้อ่าวทะเล

ถามข่าวขวัญทางไกล

เหนืออินเดียแถบแม่น้ำโลหิต

มาทางก้ำสิบสองปันนาดินชุ่ม

ฮอดบ้านโนนเขตเวียดนามบ่อนบ้าน

เชื้อสายหมากน้ำเต้าปุ้ง

เจืองเจ้าเล่าตำนาน

ข้ามทะเลไกลโพ้นแดนสถานบ้านใหม่

ชื่อว่าอเมริกาใต้ไกลแท้ แม่เอย

นับวันแปรไปหน้า

นับวันเปลี่ยนแปลงหลาย

สายแนนฟั้นสิมายม้างจั่งใด๋

สาธุเดอ แถนไท้

สาธุเดอ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ท่าน

ขอวิญญาณฮักมั่นเสมอด้ามดั่งเดียว

เขียวเอย เขียวปกหนังสือธรรมหลวงปู่ชา

ขาวเอย ขาวน้ำนมข้าวใหม่เดือนสิบสอง

ยามลมต้องใบวี

ยามลมตีใบหว้า นาดอนขี้กระต่าย

คือน้ำตาสิหลั่งย้อย

คลอเบ้าเปียกหน่วยตา กูเอย




(๒)

เสียงแคนจ้นป่นเสียงลมส่า

ส่าดีส่ำงาเม็ดน้อย

ส่าร้ายส่ำโพ้น

ลือส่ำผาน้ำย้อยเจดีย์ตั้งตระหง่านสูง

ลือส่ำวัดภูจำปาสัก

ส่ำหลี่ผี คอนพะเพ็งน้ำตาดหิน

ดอนคอน ดอนเดชบ่อนนาเพียง

ดอนโขงแถวถิ่นบ้าน น้าสาวน้อยเคยเข้าพักเซา

ส่ำตาดฟานฝาส้วม เคยลิ้มรสหมากจอง

พะนางเอย




(๓)

พะนางรู้สึกตัวไหม---

มันติดมาพร้อมกับร่างกายและวิญญาณ

เหมือนเชื้อเห็ดโคนโพนปลวกในป่าหัวนา

ความฝันถึงปู่ทำนา ฝนหลั่งรินย้อย

ความฝันถึงย่าทอไหม ลมพลิ้วทิวหม่อน

เรื่องราวการเลาะห้วย

หาสับหน่อไม้ริมฝั่ง กับแม่

เรื่องราวการเข้าป่า

หวังเห็ดปลวกสักหมู่ กับพ่อ

ทุกครั้งที่พะนางเหงา

พะนางรู้สึกอยู่บ้างหรือ ว่าพะนางเป็นโรค

ยามพะนางเบื่อบริโภคนิยมทุนปั่นหมุนติ้ว

พะนางรู้สึกใช่ไหม ว่าโรคนี้ทวีเชื้อ

ตามสายโทรศัพท์จากแดนฝังสายสะดือ

ในหลายบล็อกเน็ตของผู้พลัดบ้าน

แทรกซอนในทำนองพิณอวสานบั้น

ฝังตัวในลายแคนปัจฉิมบท

ไม่ว่าพะนางหมายหายขาด

ไม่ว่าพะนางมุ่งฆ่ามันให้สิ้น

มันจะยังคงอยู่ในมวลอณูลมหายใจ

คนทุ่งเอย เคยทางทรายฟางรายเรี่ย

ฤๅอาจยกเลิกเชื้อสายลายล่อง



(๔)

ฟากทะเลอันไกลโพ้น พะนางรู้

แผ่นดินอื่นเอกอุดม พะนางรัญจวน

แต่ฝ่าเท้าทั้งคู่ยังไม่เคยได้สัมผัส

ในเนื้อสมองหยักๆ

มีชื่อดารานับแสน

โปรโมชั่นโทรศัพท์นับหมื่น

ยี่ห้อแฟชั่นเป็นพัน---

ใกล้พะนางนักฤๅ

กลุ่มแสวงหาผลกำไรจากความเขลา

เหล่าหว่านล้อมสูบเลือดเนื้อวิญญาณ

หมู่พันธุ์ทางแห่งมหึมาร้านค้ากวมเมือง

ก๊วนปั่นแปรสารสื่อแค่นิ้วชี้

เจ้าผู้เขียวใบหว่านโนนเถียง

ข้าวในนากอละกี่ต้น

คูคันนาแม่นี้กี่โค้งซ้ายขวา

พรรณไม้หัวนาพ่อปรุงยาได้กี่ขนาน

ใครกันกันพะนางให้เหินห่าง

ใครกันดึงพะนางให้หลงลืม

ความเงียบเป็นคำตอบ

กี่ช่วงอายุ



(๕)

พะนางสงสัยบ้างไหมเล่า

เชื้อสายคำเว้าแต่เดิมดา

ติดใจนัก

คำสัมผัสข้างในธาตุขันธ์

เป็นมวลหมู่สำเนียงเดียว

กับผู้อยู่ใกล้แม่น้ำโลหิตทางเหนืออินเดีย

กับผู้อยู่แถวทุ่งข้าวขจีในสิบสองปันนา

กับผู้อยู่บ้านโนนเทิงทางเหนือเวียดนาม---

แต่ปู่แต่ย่าตายาย คำเอิ้น

แต่พ่อแต่แม่ลุงป้า คำต้าน

แต่หัวจดตีน

ในหัวพ่อกับจัวน้อยผู้โลดแล่นในสาระขัน

ในทำนองขับโคลงรำพันล่องโขงยาวย่าน

ในฝ้ายผูกแขนก่านเหลืองขมิ้น

จากกอใกล้ร่มมะเฟือง

เจ้าผู้เขียวใบหว้านาดอน

ระแคะระคายใดบ้าง

ยามน้ำตาหลั่งย้อย

ตอนบังเอิญยินกลอนผญาคราไกลถิ่น

บ่สุดบ่ส่วง

บ่ล่วงบ่เลย

เถาวัลย์คำจากต้นใบลานในห่อซิ่นอยู่วัด

แตกแผ่พรึบหุ้มคลุมทุกหลังคาเฮือนพี่น้อง

ทุกครั้งที่พะนางนิ่ง

สิ่งใดเคลื่อนไหวในชีวิต

สิ่งใดหลั่งไหลในชีวา

หลวงปู่วัดป่าใด

หนังสือผูกลายมือใคร

ตัวธรรมไกลใกล้

ที่ทางเดินพะนางไม่ยอมนับญาติ

จวบวันล้อเกวียนความฝันจอดพัก

จนคืนปีกความหิวกระหายหรุบแนบสีข้าง

กระทั่งเวลาความเป็นอื่น

รสชาติออกสุดกล้ำกลืน

สิ่งที่พะนางหลงลืม

รอพะนางอย่างเคยคุ้น

สิ่งที่พะนางรู้จักดี

คอยแต่งพาขวัญใบตองสดรอท่า

เสียงสู่ขวัญเอิ้นขวัญ

กังวานสูงจากยอดยาง

ไล่ลงถึงรูปูมีกบจำศีล

เจ้าผู้หวานน้ำอ้อย

ในกระทอใบตองซาด

อีกกี่ปลีกล้วยหมกปลา

อีกกี่ปีข้าวขึ้นเล้า

จะคืนบ้านจ้ำแจ่วบอง




(๖)

ดวงตะวันกี่ดวงที่ไร้แสง

ดวงเดือนกี่ดวงที่ไร้คืนเพ็ญ


พะนางคำนวณได้ไหม

สูตรความสว่าง

จากทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ใด

ใช้กำหนดกฎเกณฑ์ชะตาฟางหญ้า


สูตรความบรรเจิด

จากทฤษฎีการเมืองและกฎหมายใด

ใช้บ่งชี้บทบาทขี้ควายและจุดจี่


สูตรความนวลผ่อง

จากทฤษฎีการศึกษาใด

ใช้ลดทอนคุณค่าก้อนขี้ไถ


เจ้าผู้เหลืองใบกล้วย

ราคาการก้าวห่างจากวิถีเดิมดา

ราคาการย้อนคืนสู่ทางปู่ย่าดำเนินใด

สมควรตั้งบริษัทมหาชนเข้าตลาดหุ้น


หนึ่งปีปันกำไร

สองปีปันน้ำใจ

ห้าปีปันความหมองไหม้

สิบปีปันปลาเข้าไซ

ซาวปีปรับแต่งเงื่อนไข


เหมือนตะวันดวงของพะนางตกดิน

ดวงเดือนไม่ยอมขึ้นทำหน้าที่

นาเหลือใจกับฝนตั้งเค้า

ถูกลมพาลพัดผ่านเลย



(๗)

เป็นเช่นนั้นหรือ

คำแพงเอย

เจ้ากอดยึดกลอนลำไว้

เพียงบ่ให้หัวใจว่างเปล่า

กลอนลำของความคิดฝัน

กลอนลำของปู่ชมย่าภา

กลอนลำของความผิดหวัง

ขณะไอติมลืมแท่งไม้

ขณะล้อเกวียนลืมเพลาดุม

ขณะทุ่งท่าลืมควายดำ

บรรจงเลี้ยงแต่วัวสิบศอก

กลอนลำคำผญา

เหมือนชูชีพ

ในทะเลน้ำนม

ในห้วงฟ้าน้ำตาท่วม

ในแผ่นดินน้ำเหงื่อเจิ่งนอง

คนอื่นฟัง เจ้ากอด

คนอื่นร้อง เจ้ากอด

คนอื่นรวย เจ้ายังกอด

เอาห่านี่

ฟังเสียงเอื่อย เอื่อย เอื่อย

ฟังเอื่อย เอื่อย น้ำ

โตนซ่าผ่าฝัน

เด้อนางเดอ

อกกูเอย




(๘)

บัดนี้ถามอีกครั้งได้ไหม

อ้ายเอย


ขุนพลลำเดินจ้าว

นั่นประสาน เวียงสิมา

คือวีรบุรุษของผู้ข้า

ขุนพลลำเพลินกาเต้นก้อน

ก็รุ่งโรจน์ เพชรธงชัย

คือฮีโร่ของผู้ข้า


มันบ่จำเป็นดอก

มูลค่าการตลาด

มันบ่จำเป็นดอก

คุณค่ากระดาษประกาศชื่อ


จากผู้บ่เคยทำนา

จากคนบ่เคยหลกถอนกล้า

จากหมู่บ่เคยจับเคียวเกี่ยวข้าวแขกกินต้มไก่

จากมือบ่เคยจับค้อนฟาดข้าวกินเหล้าโท

สิมาเว้าว่าสงสารและยกยอชาวเฮา


เฮาคนิงร่ำนำหมู่เฮา ถูกแล้ว

เฮากินข้าวจากเล้าเฮา ถูกแล้ว

ยินดีชมชื่นกับเสียงลำสำเนียงเฮา



(๙)

เราเคยถกเถียงกันบ้างแล้ว ใช่ไหม

หล้าคำเอย


ไปใส่เบ็ดนาทุ่งหวังปลาข่อใหญ่

ไปไฮ่สวนหวังหอมกระเทียมหัวโต้น

ไปโคกป่ายางหวังเห็ดปลวกเห็ดไค

ไปหาผู้สาวหวังเป็นเฮือนมีลูก


ชีวิตนี่ร้อยปีสิรอดหรือบ่

เป้าหมายบ่แม่นตัวเลข

เป้าหมายบ่แม่นจำนวนวัน


กี่ฟ้าหล่าฝน

ข้าวนาหนองหว้ายังเขียวบ่คร้าน

ปลานาห้วยครกยังมุดผุดบ้อนบ่เบื่อ


ก่อนแรงไฟถ่านไม้กระบกสิมอด

ยังโชนแสงบ่กลัวมืด

ก่อนแรงควายบักหลังแป้นสิเปลี่ยนคอก

ยังรอยไถคราดบ่กลัวเมื่อย


ประสาอะไร

กับเขียดน้อยบนคันแทนา

เฟ้นสำเนียงสิ ปั้นเสียงไวเข้า


ก่อนหมดฝน

เสียงเจ้าจักกังวานฮอดแถน



(๑๐)

ยอมรับฟังบ้างได้ไหม

หมู่เอย


ความแปลกตาหาใช่ความงามเสมอ

ความแหกต่างหาใช่ความกล้าแท้จริง

ต้นไม้ยังมีรากมีแก่น

ตีนเปิ่มเปล่าบ่มีรองเท้าเกิบ

ตัวตนสิ่งนั้นย่อมมี

ตัวตนชั่วคราว ตัวตนนานยาว

การคารวะความงาม

เท่ากับการก้มกราบความเรียบง่าย

การบูชาความกล้า

เท่ากับการนำความเป็นอยู่ประจำ

มาสร้างความเรียบง่าย

ถูกบ่ควรคำต้าน

หวานส้มพอส่ำนี้

ดีร้ายหากอยู่ใน

จั่งใด๋เด้อเจ้า จั่งใด๋เด้อเจ้า



(๑๑)

กินข้าวแลงแล้ว ขอเว้านำแหน่

น้าบ่าวเอย

ข้าวนาห้วยปีนี้งามหรือบ่

ยังฉีดยาฆ่าหญ้าหลายบ่

กบเขียดปลาปูยังอยู่สบายดีบ่

ข่าวว่าผู้บ่าวบ้านเฮาขาเปื่อยถูกตัดขา

ข่าวว่าพ่อเฮือนบ้านเฮากายล้าล่อยไหลตาย

ปีนี้ไปดีแล้วกี่ราย

หนี้ ธกส. หมดแล้ว

หนี้สหกรณ์การเกษตร หมดแล้ว

ยังหนี้พนันบั้งไฟ อยู่บ่

ยังหนี้ร้านทองซอยหน้าบ้าน กี่แสน

ข้อยบ่ใช่ชาวนาคือวันวาน

น้าบ่าวต่างหากเป็น

ข้อยอยากเป็นชาวนา

น้าบ่าวอยากเป็นชาวไหน

นาของเฮาคือนาข้าว

ข้าวของเฮาเกิดบนดิน

นาของนายค้าพ่อเงินคือนาดอกเบี้ย

ดอกเบี้ยของเขาเกิดบนใด

โอย นอนาย

สงสารแต่ผู้ใบนาถูกยึด

สงสารแต่ผู้บ่มีข้าวอยู่เล้า

แต่ลงนาทุกปีบ่ขาด

ต่างกับข้อยผู้บ่ได้ลงนามาเกือบซาวปี

น้าบ่าวเอย



(๑๒)

เลิกงานเย็นนี้

น้าสาวเอย

ขอเว้านำแหน่


รถไฟเที่ยวขึ้นมีกี่ขบวน

ปลดปล่อยจนยาก

พ้นแอกวาทกรรมปลดปล่อย

รถไฟเที่ยวล่องมีกี่ขบวน

แต่งแต้มรอยยิ้ม

พี่น้องยิ้มแต่งแต้ม


ค่าโดยสารความเครียด

จ่ายที่ใด

ค่าโดยสารความไม่ไว้วางใจ

ช่องตั๋วใด

ทอนเป็นแววตากี่ชั้น


ระหว่างทางความคิด

หยุดกี่สถานี

ปิ้งไก่

คลุมหิวปิ้งไก่

น้ำดื่ม

กลบกระหายน้ำดื่ม


นั่นอุ้มลูก หลับไหล

นั่นห่มผ้าให้ปู่ ฝืนปิดเปลือกตา


น้าสาวเห็นหมดจดแมนบ่.













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ที่สุดของรัก

คลิก ฟังเพลงกันครับ ที่สุดของรัก  คือเห็นความงาม เป็นความจริงล้ำค่า ที่สุดของเข้าใจ คือแสงเช้าสาดต้องยอดยางนาต้นใหม่ เป็นความปรารถนาผ่องพริ้...