วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

แคร์คำคน จะจนใจตัว

บุนทอน ดอนโขง เรียบเรียงและให้เสียงภาษาไทย (ศุกร์ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕)

แน่ใจได้เลยว่า ยามที่เราไปยืนอยู่ ณ ที่โล่งแจ้ง เป็นเป้าสายตา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ย่อมมีคนจำนวนไม่น้อย ที่เขาไม่พลอยยินดี แม้เมื่อเราสู้จนได้รับความสำเร็จ ได้รับรางวัล มีเงินมีทอง หรือได้พบเจอสิ่งดีงามในชีวิต นั่นอาจเพราะ เขาใช้หัวใจในส่วน กลัวคนอื่นได้ดีเกินหน้า บ้างก็พูดออกมาว่า

“แค่นี้เอง ใครๆ เขาก็ได้ ก็มี ก็เป็นกัน ไม่เห็นต้องตื่นเต้นดีใจอะไร นี่มันของพื้นๆ ธรรมดาๆ เอง” 

บางครั้งบางคนถึงขั้นด่ากราด สาดเสียเทเสียว่า ไม่สมควรได้รับบ้าง ได้รับโดยไม่เป็นธรรมบ้าง ใช้เส้นสาย ใช้เงินซื้อเอามาบ้าง ทั้งที่ความจริง ก็รู้แจ้งเห็นกันตรงหน้าอยู่ว่า เราสู้ชีวิตขนาดไหน อดทนบากบั่นมาเพียงใด กว่าจะได้มายืนอยู่จุดนี้

อัตตานัง ทะมะยันติ ปัณฑิตา  บัณฑิตย่อมฝึกตน พุทธภาษิตบทนี้ ย่อมยืนยันได้ว่า บัณฑิตผู้รู้ทั้งหลาย ไม่ได้เป็นปราชญ์เป็นผู้รู้แบบชั่วข้ามคืน ทุกคนล้วนผ่านบททดสอบ ตั้งอกตั้งใจ พากเพียรอดทน  ข่มใจจากความเกียจคร้าน ฝึกฝนเคี่ยวกรำ ร่ำเรียนรู้อย่างไม่ย่อท้อ มาก่อนทั้งนั้น

ยามเราโดนคนประเภท “ไม่ยินดีกับใคร” ว่าให้ เราจึงควรเอาอย่างบัณฑิตดีกว่าไหม คือต้องฝึกข่มใจ ไม่ตอบโต้ ไม่ลดตนลงไปคลุกโคลนตมความคิดอิจฉาริษยากับเขา เราพึงยินดี โดยคิดทำนองว่า ก็ดีแล้ว มีผู้มาทดสอบให้รู้จักความจริงอีกบทของชีวิต

“คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ” คนรักเรา หวังดีต่อเรานั้น มีน้อยคนนัก คนไม่หวังดีต่อเราน่ะสิ มีอยู่มากมายเหลือเกิน

นึกถึงธรรมเทศนา ตอนที่พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ ท่านเอาเงินเดือนเก็บสะสมมาซื้อที่สร้างวัด หลายคนก็ว่าท่านเป็นผีบ้า เมื่อบวชแล้วมาพัฒนาวัดที่สร้างนี้  ปฏิบัติธรรมที่นี่ แถมเชิญชวนชาวพุทธมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดนิเพธพลาราม ตำบลบ้านแพด อำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนครนี้ อันเป็นการคิดทำในทางบุญทางกุศล แต่ก็ไม่วาย มีคนพูดให้ท่านว่าเป็น “พระผีบ้า” คือพระมุ่งแก่นธรรมะ ทำตัวแตกต่างไปจากพระในชุมชนบ้านเมืองโดยทั่ว ๆ ไป แต่ท่านก็ไม่สนใจคำคนเหล่านั้น มีแต่มุ่งปฏิบัติ พัฒนาวัด และเผยแผ่ธรรมะเรื่อยมา จนที่สุดคนที่พูดให้นั้นแหละ เมื่อเป็นทุกข์หนักเข้าก็หันมากราบ มาขอธรรมะจากพระที่ตนเคยเรียกว่า “พระผีบ้า”

ยากนัก จะทำอะไรอะไร แล้วถูกใจคนไปหมด

ยากนัก จะทำอะไรอะไร แล้วถูกใจตัวเสียทุกอย่าง

ยากยิ่งนัก จะทำอะไรอะไร ได้ดั่งใจที่คิดฝันไว้

นี่คือความจริงใช่ไหมครับ คำคนนั้นบ่งวัดความเป็นคน คิดอ่านเช่นไร เขาก็อดแสดงธาตุแท้ออกมาทางคำพูดไม่ได้

รู้เขารู้เรา รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ รู้แล้วควรคบค้า หรือควรเมินเฉย

จนใจนัก ที่จะกะเกณฑ์ให้เขาเป็นอย่างที่เราต้องการ

แม้แต่ตัวเราเอง ก็ยังผิดหวังกับตนเอง ไม่ได้ดั่งใจตนอยู่ในหลายเรื่องราว หลายวาระมาแล้ว และคงอีกนาน กว่าจะเข้าใจถ่องแท้ว่า “ทุกอย่าง ย่อมเป็นไปตามที่มันต้องเป็น ตามเวลา ตามเหตุตามปัจจัยของมัน” เราแค่ดู แค่รู้ และเข้าใจมันให้ดี

รู้ว่า เวลามันไม่ได้ ไม่เป็นดั่งใจ ไม่ได้ดั่งคิด ควรทำใจยอมรับอย่างไร จึงจะคุ้มค่าเวลาชีวิต ทุกวัน ทุกเวลา เราควรบอกตนเองอยู่เสมอไหมว่า “ถ้าแคร์คำคน จะจนใจตนเอง” แคร์มาก ใส่ใจมากเข้า อาจถึงขั้นพบทางตัน หันหาทางออกไม่เจอ ซึ่งคนเราไม่ควรอยู่ไหนสภาวะนี้หรอกครับ

สิ่งที่ควร เป็นอย่างนี้ไหม ใช้คำคนที่เขาดูถูกเหยียดหยาม เหยียบย่ำเรานี่แหละ มาดลใจ เตือนใจตน ให้รู้ ให้เห็นตามเป็นจริง ว่า เราเป็นเช่นนั้นกี่มากน้อย ถ้าเป็นอย่างเขาว่า แล้วมันเป็นข้อบกพร่อง ก็ต้องรีบแก้ไขปรับปรุง จะดีไหมเอ่ย และควรขอบบุญขอบคุณเขามากๆ ในฐานะผู้ชี้ขุมทรัพย์ให้

ในความเป็นไปของตนของตน รู้ตัวรู้ตน พัฒนาตัวตนให้ก้าวพ้นจากป่าหนามคำคน ก้าวไปสู่เส้นทางสร้างสรรค์การงานและชีวิต นั่นหรอก มิใช่หรือ คือมรรค คือทางชีวิต เพราะเวลาชีวิตของเรานี้  มันมีไม่มาก ไม่ยืนยาวนักดอก

น่าเสียดายเวลาชีวิตที่สุด ก็คือ เสียเวลาชีวิตกับคำใคร ๆ ยิ่งหากเขาพูดเพื่อประสงค์ร้าย ต้องการ   บั่นทอนกำลังใจให้ตกต่ำ ให้การทำชีวิตให้ดีให้งามให้สูง ต้องล่าช้า เขาก็สำเร็จสมประสงค์น่ะสิ  เราจะยอมให้เป็นไปตามนั้นเชียวหรือ เราจะโง่ จะสิ้นคิดอย่างนั้น หรือไรกันเล่า?.


รับฟังรับชมคลิปเรื่องนี้ได้ตามลิ้งค์



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ที่สุดของรัก

คลิก ฟังเพลงกันครับ ที่สุดของรัก  คือเห็นความงาม เป็นความจริงล้ำค่า ที่สุดของเข้าใจ คือแสงเช้าสาดต้องยอดยางนาต้นใหม่ เป็นความปรารถนาผ่องพริ้...