หลายใจเพียรพนมมือ
นมัสการความเบิกบาน
เธอไม่มีชื่อใด
มดดำในซอกกลีบ
อาศัยเป็นที่พักร้อน
ข้อปล้องของคำรำพึง
นับได้ไหมเล่า
'ประกายทองแท้'
ในชั่วขณะลมไหวใบวาบ
ในระเบียบกิ่งก้าน
เธอเป็นดารา
นำแสดงบทบาท
ผู้มาก่อนฤดูกาล
พฤศจิกายน ลมหนาว
มีนาคมที่จะถึง หนาวใด?
|คำแต้ม by ທາງຫອມ|
อังคาร 5 พ.ย. 2556
-----
|เล่าตามคำแต้ม|
ชายหน้าเศร้า
เมืองเราเป็นเมืองปิดมานาน เมืองที่สนุกสนานเบิกบานของพ่อค้าแม่ขาย เจ้าหน้าที่เมืองรุ่นเก่าและเครือข่าย เมืองที่เคลื่อนตัวไปอย่างเอื่อยอ้อยสร้อยของชาวบ้านชาวเมือง เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน และคนตกงาน ก่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น
สมัยนั่น 'บางคน' นับหัวได้ที่เกิดมาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม แต่หลายต่อหลายคน หรือต้องเรียกว่า 'คนส่วนใหญ่' นั่นแหละ ต่างก็เกิดมาพร้อมใบหน้านิ่งราวหุ่นฟางไล่กาบนคันแทนาในฤดูนาปรัง
อย่างไรก็ช่าง เมืองของเรา สามร้อยปีแล้วตั้งแต่ก่อเกิด ไม่ปรากฏในความทรงจำใครเลย ว่ามีคนใบหน้าเศร้า มีเพียง ยิ้ม กับ นิ่ง
จนเมื่อชายคนหนึ่งย้ายเข้ามาเช่าเฮือนพักของโฮงเฮือนกกไม้ชื่อ "มิ่งแมนแนนสาย" ตรงหัวมุมถนนกกหว้าตัดกับถนนกกกะยอม ในปีเถาะรอบที่แล้วนั่นดอก คนในเมืองเฮาจึงค่อยเริ่มรู้จักคนหน้าเศร้าคนแรก ก็คือชายเจ้าของเฮือนเช่ากกส้มแบงหลังแอ่นนั่นล่ะ
ที่จริง ชายคนนี้ก็ไม่เชิงว่าย้ายมาอยู่ใหม่อีหยังดอก เพราะเขาก็คือคนเมืองเฮานี่เอง
สมัยหอมกระเทียมยังเป็นสินค้าส่งออกประจำเมือง คนกว่าครึ่งค่อนเป็นชาวสวนหอมกระเทียม พ่อแม่ของเขาก็คือหนึ่งในคนส่วนใหญ่นี้
แต่พอวิกฤตราคาหอมกระเทียมห้าปีติดต่อกันครั้งนั้น ประกอบกับสภาเมืองออกนโยบายว่าด้วยการปฏิรูปและพัฒนาเมืองหลังสมัยใหม่ เน้นให้ชาวเมืองเปลี่ยนอาชีพจากเกษตรกรมาเป็นผู้ประกอบการโฮงเฮือนกกไม้ให้พักเซา ท่ามกลางธรรมชาติบ้านนาป่าสวน ประธานเมืองและคณะประสานการก่อสร้างบ้านต้นไม้กับวิศวกร สถาปนิก และนายช่างรับเหมาพร้อมทีมงานที่มีชื่อเสียงของเมือง ซึ่งหลายต่อหลายคนประสบความสำเร็จ ได้รับรางวัลการออกแบบและสร้างบ้านต้นไม้จากเวทีประกวดระดับโลกมาแล้ว รวมทั้งวางแผนเชื่อมต่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์วิถีชนกับทางการส่วนกลางและประเทศอ้อมข้างอ้อมแอว โฆษณาในเว็บไซต์-แฟล็ตฟอร์มชั้นนำ ให้คนมาพักอยู่กินในเมืองของเฮา โดยใช้สโลแกนว่า "พักสบายตลอดทริป เรียนรู้ประกายวับวิบ ทางกะพริบชีวิตคนหอมกระเทียม หนึ่งเดียวในโลกา"
นั่นแหละ ๆ ตอนนั้น เขาจบมัธยมปลายพอดี พ่อแม่จึงให้เขาตัดสินใจจะอยู่ช่วยท่าน ทำธุรกิจบ้านต้นไม้ตามนโยบายของเมือง ที่สภาเมืองมีศูนย์อบรมพัฒนาให้เบ็ดเสร็จ พร้อมมีทุนสำรองให้ทุกบ้านที่ต้องการเปลี่ยนจากทำเกษตรเป็นทำธุรกิจ ส่วนที่ไม่พร้อม ไม่ต้องการวิถีใหม่ ทางเมืองก็รับเข้าทำงานในระบบโครงข่ายพัฒนาและขับเคลื่อนเมือง โดยบรรจุงานตามความถนัดและสมัครใจ
เมืองเราจึงไม่มีคนตกงาน มีอยู่มีกิน มีสวัสดิการดีถ้วนหน้า เพราะกว่าห้าสิบปีแล้ว ที่ชาวเมืองพร้อมใจออมเงินเป็นกองทุนสวัสดิการเมือง 40%ของรายได้ต่อปี ช่วงที่หอมกระเทียมราคาดี กองทุนเมืองจึงมีเงินรวมกว่าแปดร้อยล้าน ซึ่งคณะกรรมการกองทุนเมือง ได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญการลงทุน ให้นำไปตั้งกองทุนรวมแบบสภาพคล่องเยี่ยม ความเสี่ยงระดับกลางมาต่ำ ในตลาดหลักทรัพย์ จนถึงตอนที่เขาจบมัธยมปลายก็มีดอกกำไรรวมเงินต้นกว่าห้าหมื่นล้าน ลูกหลานที่มีหน่วยก้านดี เมืองก็ส่งไปเรียนวิชาอาขีพหลากหลายแขนงตามแผนงานของเมืองที่วางไว้ สู่อนาคตที่สดชื่นของชาวเมืองทุกคน นั่นเอง เขาจึงเดินทางไปเรียนต่อต่างเมือง
เมืองที่เขาเลือกไปเรียน เปิดสอนวิชาหนังสือและวรรณกรรมประวัติศาสตร์ความเศร้า ใช่! เขาจบสาขานี้ และกลับมาสานต่อแผนงานของเมือง ฝ่ายหนังสือประจำเมือง (การสร้างสรรค์ คัดสรร และจัดพิมพ์หนังสือวรรณกรรมประจำเมืองชุด "ความเศร้าในรูปเงาชาวหอมกระเทียม")
หนังสือของฝ่ายวานนี้ งานสวัสดิการสติปัญญาของเมืองนำไปไว้ประจำเฮือนเช่ากกไม้ทุกห้อง ทุกหลัง ให้แขกคนที่มาเที่ยวมาพัก ได้อ่าน ได้รู้จักประวัติศาสตร์สำคัญๆ ของเมืองเรา แบบที่พวกเขาจะจดจำไปชั่วชีวิต และอดไม่ไหว จะต้องไปบอกต่อให้คนมาเที่ยว กินอยู่ ใช้จ่ายที่เมืองเราอย่างต่อเนื่อง สืบไป และยังส่งให้ทุกบ้านมีไว้อ่านปูมหลังเมืองของยรรพชนฮ่วมกันนำพร้อม
"บอกอ ที่แพงฮัก เรื่องข่อยต้องปรับปรุงจังใด๋ บ่น้อ" สาวนักเขียนประจำเมืองถาม
"อืมม... มีนิดนึงนะ อ้าว...นี่ต้นฉบับและลายมือที่ตรวจแก้แล้ว เอาไปอ่านทวนเดอ บ่เข้าใจส่วนใด เดี๋ยวแวมาโสกัน อีกเทื่อ" ชายหน้าเศร้า บอกอหนังสือวรรณกรรมประวัติศาสตร์ความเศร้าประจำเมือง ยิ้มน้อยๆ ให้สาวน้อยนักเขียนหน้าใหม่
"เนื้อหา เกี่ยวแก่ประวัติกลุ่มแม่ญี่แม่ญ่านักมัดผัก พอได้ยุน้อ อ้ายบอกอ" น่ำเสียงเธออ่อนหวาน สำเนียงวาทชันแข็งแรงอมความจริงใจเป็นที่สุด
"ได้แหม ได้ งามเลย แก้กันอีกรอบเดี๋ยวส่งโรงพิมพ์ประจำเมือง ให้เขาออกแบบ จัดหน้า หาคนวาดปก แล้วได้ ประชุมกองบอกอเมืองอีกเทื่อ สรุปงานบั้นท้ายนั่นแล้ว กะสิได้พิมพ์เล่มล่ะ ดีใจนำนะ" ชายหน้าเศร้ายิ้มยินดีกับคู่สนทนา..
|คีต์ คิมหันต์|
พุธ 4.11.2563/2020
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น