วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2563

Blogger กับบทเรียนจาก kamtaem | ตอน 1 ไปต่อดีไหม?


แรกเริ่มรู้จัก Blogger จากเพื่อนรุ่นน้อง ผู้มีประสบการณ์ ในการหาเงินในโลกออนไลน์มาหลายปี ก็แน่ล่ะ รายได้ คือแรงดึงดูด กระตุ้นให้อยากมีบล็อกเป็นของตนเอง

ใช่ครับ...หากการเขียนบล็อก มีรายได้ และเป็นรายได้ที่เลี้ยงปากท้องได้ มันก็น่าสนใจมากถึงมากที่สุด เพราะเราพอมีประสบการณ์การเขียนเป็นทุนอยู่บ้าง และเราอยากยึดอาชีพเขียนจริงจัง ไม่ต้องเกาะอาศัยอาชีพงานประจำที่แย่งเวลา อ่าน-คิด-เขียน ของเราไป

คิด เขียน มีรายได้ คือทางที่เราคิดหวัง ไม่ใช่ ทำงานประจำ มีรายได้ ว่างๆ ค่อยคิดค่อยเขียน

ผมจึงเริ่มสร้างเว็บบล็อกนี้มา ตั้งเดือนตุลา ปี 2562  ถึงตอนนี้ก็ครบ 1 ปี แล้ว  และเริ่มมีโฆษณาในหน้าเว็บแล้ว 2 สัปดาห์ แล้วเมื่อวาน ก็โดนระงับการลงโฆษณาไปเรียบนร้อย










เดี๋ยวมาคุยเรื่องโดนระงับกัน  แต่ก่อนคุยเรื่องนี้ ขอท้าวความความเป็นมาของคำแต้มก่อนครับ

ผมสร้าง kamtaem.com ใช้เนื้อหาบทกวีที่เขียนเอง ใช้รูปที่ถ่ายเองทำปก และปกบทความแต่ลำชิ้นก็ออกแบบเอง  ดังนั้น ด้านเนื้อหาจึงผ่านนโยบายของ google ไม่ยาก และจะไม่ถูกระงับฐานละเมิดลิขสิทธิ์ได้เลยในชีวิตนี้  ข้อนี้รับประกันตัวเองด้วยความซื่อสัตย์ต่อหัวใจดวงน้อยๆ นี้

เมื่อลงบทกวี หรือ ที่ผมพอใจเรียกมันว่า "คำแต้ม" ของตนไปได้หลักสิบ หลายสิบชิ้น ก็พยายามวางโค้ดโฆษณาในเว็บ kamtaem.com แต่เราไม่มีความรู้เกี่ยวแก่คำสั่งในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือเว็บไซต์ จึงหาความรู้และ ทำตามคำแนะนำของกูเกิล  แม้ว่าผมจะผูกบัญชีกับ Google AdSense ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนที่ทำช่องยูทูป  ซึ่งใช้บัญชีgoogle คนละบัญชีกับที่ทำ blogger ซึ่งการเชื่อมบัญชีนี้ไม่ได้มีปัญหาแต่ประการใด มันยากตรงนำโค้ดโฆษณา ไปวางใน head to head ของเว็บในฐาน HTML งมซาวลองผิดลองถูกอยู่นานก็ไม่เป็นผล

ระหว่างนั้น เหลือบเห็นคำเชิญชวนใน Google AdSense ของตนว่า ถ้าอัพจาก kamtaem.blogspot.com โดยซื้อโดเมนเป็นของตน จะสามารถเชื่อมต่อกับGoogle AdSense เพื่อให้มีโฆษณาในเว็บที่อัพแล้วโดยง่าย  ซึ่งค่าการจะโดเมนนี้ ตก 3200 กว่านิดๆ โดยผ่อนรายเดือนผ่านบัตรเอา (นี่เริ่มมีค่าใช้จ่ายแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้มีรายได้เลย)

เอานะ ลุยลองดู  นั่นแหละ ผมจึงได้เว็บ kamtaem.com นี้มา

พอเป็น kamtaem.com แล้ว โพสต์ก็โพสต์ไปใกล้ 100 แล้ว โฆษณาก็ยังไม่ขึ้นอยู่ดี จึงทิ้งไว้ตั้งแต่ต้นปี 2563 แม้ช่วงโควิดที่มีวันหยุดเยอะ ก็ไม่ได้โพสต์ใดๆ เพิ่มอีก น่าจะหยุดไปนานร่วม 3 เดือนนะ  แต่ก็ไม่ได้หยุดงานหารายได้ในโลกดิจิตอลนะ  ไปมุทำคลิปลงยูทูบ ทำแฟนเพจในเฟส แทน

เมื่อต้นเดือนสิงหา หรือกันยา ไม่แน่ใจ  ได้พยายามใหม่อีกครั้ง เพราะมีอีเมลเตือนให้วางรหัสโค้ดโฆษณาลงเว็บตน  คราวนี้ศึกษา copy โค้ด ไปวางใน HTML ใน Theme ของเว็บ 

ทิ้งไว้อีกเกือบเดือน ประมาณต้นเดือนตุลาคม 2563 นี่เอง  เพื่อนรุนน้องที่แนะนำการสร้างบล็อกเกอร์หารายได้ ทักมาในกล่องข้อความ ว่าเว็บผมมีโฆษณาแล้ว  ดีใจมาก เราคุยกันเรื่องนี้ด้วยอารมณ์ปลื้มดีใจมาก

นั่น ทำให้มีกำลังใจ วางแผนเขียนงาน และโพสต์ลงตลอดสองสามสัปดาห์มานี้

แล้วหัวใจหักห่อเหี่ยวลง เมื่อเจอการแจ้งระงับบัญชีโฆษณาแล้ว เมื่อเช้า


เอาล่ะ  เข้าประเด็นกัน  ว่าเราจะไปต่อไหม เมื่อมาถึงจุดนี้ หรือจะหันหลังให้พื้นที่เขียนงานในออนไลน์  หันไปเขียนเก็บอย่างเดิม  เขียนจบค่อยขัดเกลา ปรับแรุงพัฒนา  ไเที่ค่อยหาเงินพิมพ์ขายเองอย่างที่ทำมา ซึ่ง ประสบการณ์การตรงนั่น มันสอนเรานะ มันเหนื่อย ได้กำไรนิดเดียว จากการลงแรงใจกายและทุนมากมาย แย่ลงมาอีกก็เท่าทุน หรือแย่สุดๆ ก็ขาดทุนและเสียพลังงานแบบที่นักเขียน-ศิลปิน ไม่ควรจะเสีย

สาเหตุ ก็ตามภาพครับ อธิบายก็ได้  ผมใช้เครื่องเมียเข้าดูเว็บตนเองครับ เข้าดูบ่อยดูนาน เห็นโฆษณาแล้วปลื้ม แต่เราอ่านกติกาไม่ละเอียด  "การดูที่ไม่ถูกต้อง" มันฟ้องครับ 

ทั้งที่ไม่มีเจตนาจะปั่นวิว ไม่เจตนาจะรีเฟรซหน้าเว็บเพื่อเพิ่มการดูโฆษณา แต่ต้องการดูว่ามีโฆษณาอะไนเข้าบ้าง ที่เราตั้งค่าโฆษณาไว้ส่าให้สอดคล้องกับเนื้อหา มันแสดงออกมายังไง ไม่เจตนาจะคลิกดูโฆษณาเดิมซ้ำๆ แต่เพราะสนใจโฆษณานั้นจริงๆ แต่ก็นั่นแหละครับ มันผิดกติกา  ยอมรับผิดครับ ลูกผู้ชายทำแล้วยอมรับ

เป็นอุทธาหรณ์ เป็นบทเรียนครับ  ต้องศึกษา ต้องทำให้ถูกกติกา 

เรามีเนื้อหา มีพื้นที่ มีเว็บ  เจ้าของสินค้ามีสินค้า มีต้นทุน ต้องการคนดูคนซื้อ Google AdSense ก็มีหน้าที่ตัวกลางเชื่อมต่อให้ และเขาก็ต้องได้ส่วนแบ่งตามเกณฑ์ ทั้งสามคนนี้ต้องจริงใจต่อกัน ร่วมมือกันทำให้คนสนใจเข้ามาอ่านงานเขียน มาดูโฆษณาจะได้ขายสินค้าได้เยอะๆ  นี่คือโลกของผลประโยชน์ที่เป็นธรรม...

บทเรียนนี้ เมื่อศึกษาทบทวนแล้ว ผมจึงสรุปเตือนใจตนเอง และแบ่งปันมายังผู้อ่าน ว่าห้ามทำอะไรบ้างในเว็บ blogger ของเรา จึงจะไม่ถูกระงับบัญชีโฆษณา ลองทบทวนไปด้วยกันครับ

   1. ห้ามให้เมีย เพื่อน หรือใครๆ เข้าดูหน้าเว็บหน้าเนื้อหาของเราแบบซ้ำๆ โดยไม่อ่านเนื้อหา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้ามรีเซตหน้าเพื่อดูโฆษณา ห้ามคลิกดูโฆษณาซ้ำตัวเดิมในหน้าเนื้อหาเดิมที่เปิดอ่านอยู่ หรือแม้มาเปิดอ่านใหม่ก็ตาม  นี่ผมเจอข้อนี้ครับ จึงถูกระงับ 555 (ไม่ได้เจตนา... แต่มันไม่ถูกต้อง)

   2. ห้ามยิงโฆษณาเว็บเพื่อดึงคนมาดูเว็บเราเพิ่มขึ้น  อันนี้ผมไม่โดนนะ แต่เข้าข่าย เพราะผมยิงโฆษณาด้วยเพจในเฟชบุ๊ก 3 ครั้งแล้ว  ต่อไปไม่พึงกระทำ

   3. ไม่ควรแชร์ไปกลุ่มเฟชบุ๊กที่ตนเองสร้างขึ้น  เพราะอาจเข้าข่ายเชิญชวนให้คนเข้าดูเว็บ แบบมีข้อแลกเปลี่ยน หรือสัญญาจะตอบแทน... ตัดปัญหาครับ อย่าทำน่าจะดีกว่า  ถ้าจะแชร์ไปกลุ่มก็ควรแชร์ไปกลุ่มที่คนอื่นสร้าง ที่เราไปขอเป็นสมาชิก

ในส่วนการแชร์ไปในกล่องข้อความหาเพื่อน แชร์ไปเพจ หรือ แชร์ไปฟีดข่าวกน้าเฟชของตน  ก็น่าแชร์ได้ตามปกตินะครับ  แต่ผมว่า ควรแชร์ไปเลย แบบไม่ต้องเขียนอะไรกำกับ

ถึงตรงนี้  ผมว่า ผมจะทำ blogger ต่อไหม จะไปต่อไหม? มันดูมีกติกาหยุ่มหยิม เขาใช้เราเป็นเครื่องมือหากินไหม เราแค่หมากในกระดานใคร อย่างไรหรือไม่  มันคุ้มไหม ถ้าไปต่อ

ผู้อ่านครับ ผมมีคำตอบครับ

ผมจะคิด เขียน โพสต์ลง blogger เว็บ kamtaem.com นี้ของผมต่อครับ โดยจะไม่ไปแตะเรื่องการดูที่เขาห้าม ดังกล่าว

ผมจะคิด เขียน ทำปก โพสต์ไปเรื่อยๆ แชร์ลงฟีดข่าวหน้าเฟช และหน้าเพจ ก็พอ ไม่แชร์ไปในกล่องข้อความหาเพื่อนอีก (มันอาจเป็นเหตุให้ผิดกติกาได้) แต่อาจแนะนำเว็บตนเองแก่คนรู้จักบ้างตามกาลเทศะสมควร 

ลองดูว่า จะมีคนดูเว็บเราจริงๆ แค่ไหน อยากรู้เหมือนกัน

อย่างน้อยเราก็มีพื้นที่เก็บและเผยแพร่งานเขียน ที่พร้อมให้คนเข้มาอ่าน อะนะ

ส่วนรายได้ ก็หวังครับ แต่หวังนิดเดียว เพราะหวังมากจะผิดหวัง กลั้นใจตายไปก่อนอายุขัย.









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ที่สุดของรัก

คลิก ฟังเพลงกันครับ ที่สุดของรัก  คือเห็นความงาม เป็นความจริงล้ำค่า ที่สุดของเข้าใจ คือแสงเช้าสาดต้องยอดยางนาต้นใหม่ เป็นความปรารถนาผ่องพริ้...