วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ผู้ร้อยรุ่น

ลักยิ้มของวันจันทร์
ลานบ้านสีดอกมะยม
ลูกชายไหว้ย่าของหลาน
เลี้ยงดูสองรุ่นแล้ว

เธอยืนต้นหน้าบ้าน
พริ้มดอกประดับร่าง
พร้อยลูกแต่งเรือน

วรรคทองของเงาร่ม
สลักระหว่างวัย
'สะท้อน ย้อนแย้ง'
ย่าหนึ่ง-หลานหนึ่ง

วันแห่งเสียงสรวล
เธอรับแรงปีนป่าย
หลานไปซ้าย
ทั้งที่ย่าพร่ำบอก
"ไปขวานะลูก"

ละครความรัก
ดำเนินเรื่องในลานร่ม
ตราบสิ้นเผ่าพันธุ์

|คำแต้ม by ທາງຫອມ|
อ.5.11.2556

------

|เล่าตามคำแต้ม|
ตอน ชายแจกใบปลิว

ยอมรับ แบบไม่ที่เหตุผลค้าน ชายคนนั้นทำให้คนเมืองเราต้องหันมามองตนเองใหม่ คำถามที่กึกก้องในใจชาวเมืองทุกคน ตั้งแต่เด็กที่เพิ่งคิดอ่านเป็น ไปจนถึงคนชราและคนป่วยหนักจะเข้าโรงในชั่วโมงสองชั่วโมงนี้คือ 

"ส่องใส คืออะไรในตัวเรา ส่องใสจะสว่างไสวแค่ไหนเพียงใด ยาวนานเพียงไหน สำหรับเมืองเล็กๆ ของเรา"

ทุกวัน ชายชรานัยน์ตาดำขลับเป็นประกาย ประหนึ่งแอบไปเปลี่ยนดวงตาเด็กหนุ่มมาหมาดๆ ผิวคล้ำพองาม คล้ำเพราะการเดินกลางแดด เทียวเดินแจกใบปลิวลายมือตัวอักษรธรรมลาว ตามถนนรนแคม ตรอกซอกซอย ไม่เว้นแม้ในสวนส้มแบงสาธารณะประจำเมือง ตามสี่แยกไฟแดง ตามโรงหมอลำประจำทิศของเมือง ตามซุ้มน้ำชาดอกขะยอม...


"ส่องใส" คือคำตัวอักษรธรรม ที่ชายชราเทียวแจกจ่ายยายปัน อันเจตนา ความหมายเพิ่นไม่ได้บอก เพียงแต่กระซิบกับผู้ยอมรับใบปลิวทุกคนว่า "อ่านแนเดอ วันละสามเวลา ตื่นนอน ก่อนข้าวเพล และก่อนนอน  ใผอ่าน ท่องทุกวันตามนั่น จะได้ฮู้ว่า เจ้าของคือใผ ชีวิตที่เกลืออยู่สิก้าวเดินไปทางใด๋"

ชายชราตั้งใจจะแจกจ่ายยายปันใบปลิวนั้นให้ครบ "สามพันใบ" ในขณะที่ชาวเมืองเรามีจำนวนถึงเจ็ด-แปดพันคน 

วันหนึ่ง วันที่เขาแจกใบปลิวครบแล้ว เขามานั่งพักตรงม้านั่งเหล็กสไตล์อังกฤษยุควิคตอเรีย มุมหนึ่งของสวนสาธารณะส้มแบงของเรา บังเอิญเหลือเกิน ที่ผมนั่งอยู่ตรงข้ามเขา ตอนนั้น ตะวันเพิ่งตกดิน เป็นต้นเดือนพฤศจิกา ต้นหนาวพอดี ลมหนาวระลอกแรกจากทิศเหนือแผ่พัดไอเย็นมาปะทะใบหน้าชาวเมืองเป็นครั้งคราว ยามลมแรงเราถึงต้องหลับตา ดลัวฝุ่นดินที่ลมหอบมาด้วยจะเข้าตา  จนทำให้มองอะไรไม่เห็น เขาเพ่งมองต้นส้มแบงที่กำลังจะผลัดใบ ใบเหลืองอ่อนเหลืองแก่เริ่มแผ่ลามทรงพุ่ม ที่ยังเขียวก็เหลือเป็นหย่อมๆ เล็กๆ บางแห่งเหมือนจุดที่แต้มด้วยปากกาหมึกซึมปลายมนขนาดใหญ่ ที่แห้งออกสีน้ำตาลหม่นเริ่มค่อยคืบคลานลามเลียผืนเหลืองแก่ ชายชรามองไปมองมา แล้วก็ก้มลงมองสนามหญ้าตรงปลายรองเท้าแตะของตน

|คีต์ คิมหันต์|
ศ.30.10.2563





































 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ที่สุดของรัก

คลิก ฟังเพลงกันครับ ที่สุดของรัก  คือเห็นความงาม เป็นความจริงล้ำค่า ที่สุดของเข้าใจ คือแสงเช้าสาดต้องยอดยางนาต้นใหม่ เป็นความปรารถนาผ่องพริ้...